ก่อนหน้านี้ก็มีสาวชาวซาอุดีอาระเบีย ยื่นขอลี้ภัยจนล่าสุดได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศแคนาดาแล้ว จบลงแบบแฮปปี้ ทุกฝ่าย ก็ต้องยอมรับว่าเกิดจากการร่วมมือในการประสานงานของทุกฝ่าย และแล้วก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีกจนได้กับกรณีการจับกุม นายฮาคีม อัล อาไรบี นักฟุตบอลบาห์เรนตามหมายแดงของตำรวจสากล ขณะเดียวกันก็มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยของประเทศออสเตรเลีย เราๆ ท่านๆ คงต้องติดตามสถานการณ์และคิดไตร่ตรองให้ดี อย่าพึ่งฟันธง ก่นด่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้พยายามมองถึงความเป็นจริงและข้อกฎหมายให้ดี งานนี้ ตม.ของไทยจำเป็นต้องจับกุมเพราะมีหมายจับของอินเตอร์โพล ที่ทางการบาห์เรนร้องขอ แต่ออสเตรเลียก็แย้งว่าผู้ต้องหารายนี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยและได้ถอนหมายไปแล้ว การจะส่งตัวไปที่ใดก็ต้องเป็นหน้าที่ของอัยการไทยที่จะยื่นคำร้องไปที่ศาลให้เป็นผู้พิจารณาตัดสิน การกดดันจากหลายฝ่ายถึงขนาดเอาฟีฟ่ามาเกี่ยวข้อง เอากีฬามากดดัน ดูแล้วออกจะเกินเลยไปสักนิด งานนี้อยากให้ฟังถ้อยแถลงของทางการไทยจะดีเสียกว่า ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ได้กระทำการใดที่ผิดพลาดแม้แต่น้อย ทางออกที่ดีที่สุดคือทั้งต้นทาง ปลายทางต้องพูดคุยกันโดยมีเราเป็นคนกลางให้จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ขออย่าให้ใครมาซ้ำเติมสถานการณ์อีกเลย .....เมื่อเอ่ยถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้วก็อยากแจ้งข่าวว่าเร็วๆ นี้จะมีการเปิดรับสมัคร นายสิบตำรวจ ของ ตม.เอง ทั้งชายและหญิง มากถึง หนึ่งพันคน ใครคิดว่าเป็นคนดี หรือลูกหลาน ดี มีความสามารถ ก็น่าจะเข้ามาสมัครสอบคัดเลือกเพื่อร่วมงานสรรค์สร้างสิ่งดีๆ ให้ประเทศชาติต่อไป โดยใช้ วุฒิ ม.6/ปวช./กศน. มีความสามารถด้านภาษา ไม่ต้องสอบวิ่งและว่ายน้ำ จะโสดหรือไม่โสด สายตาสั้น/ยาว/เอียง ก็สมัครได้ แต่ที่ติดใจสักนิดก็ตรงที่เมื่อทำงาน 4 ปี สามารถย้ายไปตำแหน่งอื่นได้ จึงมองว่าตำรวจมักไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง งานบางงานต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่พอใจก็วิ่งย้ายไปตรงโน้นที ตรงนี้ที ความต่อเนื่องความเป็นมืออาชีพจึงลดน้อยลง หรือมันกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรไปแล้วว่า ตำรวจทุกนายต้องเป็นเป็ด ทำได้ทุกอย่างแต่หาดีไม่ได้สักอย่าง คอยดูคำสั่งที่กำลังจะออกคงได้เห็นเอานักสืบไปทำธุรการ เอาสายตรวจไปเข้าเวรสอบสวน เอาธุรการไปโบกรถ เอาผู้เชี่ยวชาญการสอบสวนไปนั่งตบยุง ให้ยุ่งเหยิงไปหมดแน่นอน...