วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 06:33 น.

อาชญากรรม » คอลัมน์

ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

รอง ป. : วันจันทร์ ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562, 06.33 น.

ทุกอย่างเสร็จตามกำหนด...จบข่าว!!!!

♦♦ รายงานตัววันนี้...บัญชีแต่งตั้ง "นายพันสีกากี" ระดับ สารวัตร(สว.) ถึง รองผู้บังคับการ(รองผบก.) วาระประจำปี 2562 ถูกประกบร่างกันเรียบร้อยแล้ว ระหว่าง "บัญชีตร."กับ "บัญชี บช." หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผบช.แต่ละหน่วยทั่วประเทศ เข้าให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตามที่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.สกพ. ส่งหนังสือแจ้งไปตามคำสั่ง "ผบ.แป๊ะ"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี เชิญ "ผบช." ทั้ง สยศ.ตร., สกบ., สกพ., สงป., กมค., สง.ก.ตร., สง.ก.ตร., จต., สตส., บช.ก., บช.ส., บช.ทท., บช.ตชด., สพฐ.ตร., สทส., บช.ศ., รร.นรต., รพ.ตร., ภ.1-9, บช.น.และ สตม. มาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เพื่อให้การพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ ๐
 
♦♦ ใครจะสมหวัง ใครจะผิดหวัง อีกไม่กี่วันนับจากนี้คงได้รับรู้ รับทราบ เพราะ "บิ๊กเบิ้ม"พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาภายในวันที่ 30 พ.ย. แน่นอน ซึ่งทุกหน่วยต้องทำบัญชีแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พ.ย. และออกคำสั่งแต่งตั้งวันที่ 27 พ.ย. โดยให้มีผลพร้อมกันในวันที่ 2 ธ.ค. พร้อมทำย้ำเสียงดังฟังชัด "จนถึงขณะนี้การแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่มีอะไรติดขัด" กลบกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่เห็นการแต่งตั้ง "นายพันสีกากี" เงียบๆ เลยมีข่าวลือ!! ในทำนองการแต่งตั้ง สว.-รองผบก.วาระประจำปี 2562 จะเลื่อนออกไปอีก 1 เดือน ทำเอา "ตำรวจ" ทั่วประเทศ ที่ต่างรอลุ้น รอคำสั่งต้องเช็คข่าวกันวุ่น ไม่เป็นอันทำงาน สรุปสุดท้ายดูปาก "โฆษกปิยะ" ทุกอย่างจบทันตามกำหนด...จบข่าว
 
วันเดียวประชุมกันครบหมด เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงเช้าวงประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เห็นชอบการตัดโอนตำแหน่งอาจารย์ ระดับ สบ.6 หรือ ผู้บังคับการที่มีอยู่ตามคณะต่างๆ ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้มาขึ้นตรงต่อโรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยตรง ซึ่งตามกฎหมายถ้าตำแหน่งเกินกว่าผู้บังคับการขึ้นไปต้องเสนอ ก.ต.ช.เห็นชอบ รวมทั้งตัดโอนตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว 3 ตำแหน่ง คือ ที่ปรึกษาบริหารราชการด้านการปราบปราม ตัดมาเป็นตำแหน่ง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานรัฐสภา ประสานงานทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏร 1 ตำแหน่ง ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง ตัดโอนตำแหน่ง รองผู้บัญชาการประจำ ให้มาเป็น รองผู้บัญชาการท่องเที่ยว 1 ตำแหน่ง และ รองผู้บัญชาการศึกษา 1 ตำแหน่ง โดยทั้ง 3 ตำแหน่ง ไม่ต้องแต่งตั้งใครเข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยตำแหน่งของผู้ที่ถูกตัดโอนมาตำแหน่งใหม่ ก็เปลี่ยนชื่อตำแหน่งใหม่ แล้วใช้ผู้ที่นั่งตำแหน่งนั้นดำรงตำแหน่งไปเลยทีเดียว ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ต้องวิ่งเต้นกันให้วุ่นวาย ๐
 
♦♦ ส่วนช่วงบ่าย มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาเป็นประธาน เห็นชอบกำหนดตำแหน่ง กองบังคับการกฎหมายและคดี ประจำตำรวจภูธรภาค 1-9 คือ ให้กองบัญชาการภาค 1-9 มีกองกฎหมายและคดี ดูแลคดีปกครอง คดีอาญา และคดีแพ่ง และการตรวจสำนวนต่างๆ มีตำแหน่งผู้บังคับการภาคละ 1 ตำแหน่ง แต่เป็นการโอนจากผู้บังคับการประจำที่อยู่ตามภาคต่างๆ มาเป็นผู้บังคับการกองคดีฯ กำลังพลของแต่ละกองบังคับการไม่เกิน 100 นาย รวมทั้งเห็นชอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์สรรหาบุคคลเลือกเป็นกรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามประกาศ ก.ตร.ต้องมี 11 คน ซึ่งทุกวันนี้มีแค่ 9 คน ยังขาดอีก 2 คน 2 ท่านที่ยังขาดตามกฎหมายต้องให้วุฒิสภาเป็นคนเลือก แต่ขั้นตอนจาก ก.ตร.ไปหาวุฒิสภายังไม่มี จึงมีการกำหนดวิธีการคัดเลือกให้ ก.ตร.กำหนดให้ ผบ.ตร.เสนอ 2 เท่า เช่น เสนอวุฒิสภา 4 คน ให้ ก.ตร.พิจารณาภายนอกเรียงลำดับกันมาแล้ว แล้วส่งให้วุฒิสภาเลือก 2 คน ถ้าวุฒิสภาไม่เลือกก็กลับมานับหนึ่งใหม่ ๐
 
♦♦ ผลพวงจากการกำหนดตำแหน่งกองบังคับการกฎหมายและคดีประจำตำรวจภูธรภาค 1-9 "โฆษกปิยะ" จะช่วยแก้ปัญหาพนักงานสอบสวนที่ถูกโยกย้ายไปอยู่ตามกองบัญชาการต่างๆที่ไม่มีงานทำ ต่อไปทุกคนจะมีงานทำในการดูแลสำนวนคดีอาญา คดีแพ่ง และมีโอกาสเติบโตไปตามหน้าที่เพราะตั้งแต่ระดับ รอง ผกก.ลงไป ทางกองบัญชาการจะเป็นผู้พิจารณาแต่ตั้งเอง ส่วนระดับ ผกก.ขึ้นไปจะนำเข้าบอร์ดการพิจารณา ส่วนพนักงานสอบสวนที่ยังขาดแคลนก็จะให้ผู้ช่วยพนักงานสอบสวนที่มีคุณวุฒิครบถ้วนคัดเลือกให้เป็นพนักงานสอบสวนเพราะกลุ่มคนเหล่านี้รู้งานสามารถก้าวขึ้นเป็นพนักงานสอบสวนได้และเป็นการแก้ไขปัญหา...หากทำได้ตามเจตนารมณ์นี้จริงๆ ก็ต้องยกมือ สาธุสวัสดี
 
                                                         รอง ป.