วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 17:59 น.

กิจกรรม

พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ แนะ “เมตตาพาสุข”

วันพุธ ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 14.45 น.

พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ แนะ “เมตตาพาสุข”

 

 

ทุกคนบนโลกในนี้ล้วนมีความเมตตาในตนเอง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน การมีเมตตาต่อกันนั้นมากน้อยอยู่ที่ตัวเรา ยิ่งในช่วงยุคโควิด-19 เช่นนี้แล้ว ทุกคนต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิต สร้างความสุขให้กับตนเองและผู้อื่น พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล (วัดดอน)​ กรุงเทพฯ ได้เมตตาให้คำตอบบนเวทีธรรมบรรยาย เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ จัดโดย บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ในหัวข้อ “เมตตาพาสุข”

 

เมตตากรรมฐาน เป็นวิชากรรมฐานที่พระอาจารย์ได้ฝึกปฏิบัติมานั้น นำมาแนะนำให้ทุกคนได้เรียนรู้ในเรื่องของการมีเมตตา การตั้งจิตนึกคิด มีสติและฝึกจิตใจของตนเอง เริ่มต้นด้วยการแนะเรื่องของอานิสงฆ์ ดังนี้

 

“เคยมีปัญหานอนไม่หลับไหม เคยมีปัญหาลูกดื้อไหม เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอุปสรรคในการทำงานหรือว่าความไม่ราบรื่นในการทำงานไหม” ท่านได้ตั้งคำถามก่อนเริ่มบรรยาย นำพามาซึ่งการอธิบายและชี้แนะ หนึ่งเรื่องของการนอนไม่หลับ ท่านบอกว่า การนอนไม่หลับนั้นมาจากการเครียดคิดฟุ้งซ่าน แต่เมื่อฝึกเมตตากรรมฐานจะสามารถช่วยได้ เรื่องที่สองคือเรื่องการตื่นนอน ตื่นง่าย ใครมีปัญหาตื่นยาก ต้องตั้งนาฬิกาปลุก มีวิธีการที่เรียกว่า พิธีของพุทธเจ้า เรียกว่า อุฏฐาน สัญญา สัญญาใจสั่งให้ตื่น อยากจะตื่นเวลาไหน ถ้าฝึกเจริญเมตตา จะสามารถตื่นตามเวลานั้นเลย ท่านให้นำมือแตะที่หัวใจด้านซ้ายแล้วหลับตาลง สั่งใจให้ตื่นตามเวลาที่อยากจะตื่น เมื่อสั่งจิตเป็นประจำก็สามารถตื่นได้ตามที่ต้องการ เรื่องที่สาม “ไม่ฝันร้าย” พระพุทธเจ้าตรัสถึงความฝันว่ามีอยู่ 4 อย่าง หนึ่งบุพนิมิต เป็นฝันที่ให้ความตรงตามที่ฝัน สองจิตอาวรณ์ เป็นฝันที่ไม่ได้ให้ความจริง หรือภาษาพูดคือ ไม่แม่น สามเทพสังหรณ์ เป็นความที่เทวดามาเข้าฝัน ให้โชคลาภ หรือให้ทำบุญให้ สี่ธาตุกำเริบ เป็นความฝันประเภทโดนโจรไล่ฆ่า ปีนภูเขา โดนไล่ยิง วิ่งหนีเหงื่อเต็มคอ อย่าไปตกใจเพราะไม่ตรงอย่างแน่นอน เพราะคนที่ฝันเช่นนี้เกิดจากความอึดอัดจากร่างกายหรือไม่สบาย สิ่งเหล่านี้จะหายไปเมื่อฝึกเจริญเมตตา พระอาจารย์กล่าว

 

อานิสงส์ข้อต่อมาคือ อมนุษย์ หรือผีสางนางไม้ เทวดาพระภูมิเจ้าที่ภูตผีปีศาจยักษ์ พวกนี้ถือว่า อมนุษย์ เพราะว่าผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ท่านเล่าว่า ท่านเคยโดนผีอำตอนเป็นเณร ซึ่งในตอนนั้นสติท่านได้หายไปหมดแล้ว แต่แล้วท่านก็ทำการสวด กรณียเมตตสูตร จึงทำให้หายจากอาหารผีอำไปได้ บทกรณียเมตตสูตรเป็นบทสวดที่เป็นมิตรกับภูตผีปีศาจ เสมือนการแผ่เมตตาให้สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ หรืออมนุษย์ ท่านยังแนะอีกว่า ท่านได้สวดบทนี้มาเป็นเวลา 20 กว่าปี สวดก่อนนอนทุกคืน สวดบทนี้แล้วจะทำให้สบายใจ แคล้วคลาดป้องกันตนเองได้ดีมาก ท่านยังได้ให้คาถาไล่ผี สิ่งนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ท่านได้ประสบพบเจอมากับตัวท่านเอง แล้วมาบอกบุญ คาถานั้น คือ “สะธัสพุทธ สัมมาสัมโต หะระอะโต วะคะภะ สะตัสโมนะ” หรือนนะโมถอยหลัง เป็นสิ่งที่สามารถไล่ผีได้จริง ท่านเล่าว่า เมื่อสมัยท่านเป็นผู้ช่วยใหม่ ๆ ในช่วงเวลา 6 โมงเช้า มีคน 6-7 คน ลากผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาที่ข้างกุฏิพระอาจารย์ แล้วมีผู้ชายนั่งคร่อมผู้หญิงแล้วตบซ้ายตบขวา พระอาจารย์ได้ถามไปว่า “โยมทำไมทำร้ายผู้หญิง” ผู้ชายจึงบอกว่าภรรยาเขาโดนผีสามีเก่าเข้า จึงตบให้ออกไป ท่านจึงตามหลวงพ่อท่านอื่นมาช่วยจนหมดวัดผีตนนั้นก็ยังไม่ออก สุดท้ายพระอาจารย์นึกได้ว่าพระอาจารย์องค์หนึ่งท่านเคยอยู่ถ้ำที่ป่าวิเชียรบุรี ท่านมาเสกคาถาใส่เพียงเวลาไม่นานผีตนนั้นก็ออกไป พระมหาอดิศักดิ์จึงได้เข้าไปหาหลวงพ่อท่านนั้น ถามถึงเรื่องว่าทำอย่างไรถึงไล่ผีไปได้ และได้ทราบคำตอบพร้อมคาถาที่ไล่ผีได้

 

ต่อมาพระอาจารย์แนะเรื่องการแผ่เมตตามีวิธีปฏิบัติ 2 อย่าง อย่างแรกเรียกว่า โพลี โสพนาเมตตา คือการให้แบบเจาะจง อย่างที่สอง คือ อะโนธิโส ผะระณา การให้แบบไม่เจาะจง

 

การให้แบบเจาะจงมีด้วยกัน 3 สิ่ง คือ หนึ่งการแผ่เมตตาให้กับตัวเอง ตัวเองต้องมีเมตตาอับดับหนึ่ง สองให้คนที่เคารพนับถือ ไล่มาตั้งแต่ในประเทศก็คือในหลวง แต่เมตตาสามารถให้ได้กับคนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น และสามให้กับอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ ท่านเล่าว่าการแผ่เมตตานี้สามารถช่วยให้ลูกจากที่ดื้อ ติดยา หรือแม้กระทั่งขโมยเงินขโมยของ ก็สามารถทำให้กลับมาเป็นคนดีได้ โดยขั้นแรก ส่งสติมาไว้ที่หน้าผากตนเองแล้วสแกนตัวเองตั้งแต่หน้าผาก นึกถึงใบหน้าตัวเองแล้วภาวนา ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข หายใจออกดึงความรู้สึกจากรูปนั่งมาไว้ที่หน้าผากตัวเอง ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ เมื่อตนเองมีสติมีความสุขพ้นจากความทุกข์ ต่อมาคือแผ่ให้กับลูก เจาะจงให้แต่ถ้าขณะที่เจาะจงใบหน้าผู้ที่จะแผ่ให้นั้น หน้าเขาไม่ชัดต้องกลับมาตั้งจิตที่ตนเองใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นนึกถึงหน้าคนที่อยากจะแผ่เมตตาให้ ทำวิธีเดียวกับที่แผ่ให้ตนเอง ทำเป็นประจำทุกวันชีวิตจะดีขึ้น

 

การให้แบบไม่เจาะจง คือ คนกลาง ๆ ไม่รักไม่ชัง เรียกว่า มัชฌัตตบุคคล เขาตายแล้วก็ไม่ได้เสียใจเขามีความสุขเขาร่ำรวยก็ไม่ได้ดีใจกับเขา แผ่ไปแบบไม่เจาะจง แผ่ความรู้สึกเหมือนคลื่นทะเลคลื่นโทรศัพท์ขอให้มนุษย์ทั้งหลายจงมีความสุข ขอให้มนุษย์ทั้งหลายพ้นจากความทุกข์

 

 สุดท้ายคือการแผ่รวม การแผ่โดยรวมไม่ได้เจาะจงว่าให้ใคร ที่แผ่กันทุกวันนี้คือ สัพเพสัพตา อันนี้เรียกว่าแผ่ด้วยวาจา แต่ที่จะกล่าวคือการแผ่ด้วยจิต เริ่มจากหายใจเข้า แล้วนึกขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงพ้นจากความทุกข์ เพ่งจิตสแกนจากขาในท่านั่งขึ้นมายังบนในหน้าของตน อันนี้คือ  มนุษย์ ภูตผีปีศาจ เทวดาหรือคนใกล้ชิดอยู่รอบตัว หรือเจ้าที่เจ้าทางจะรับรู้ถึงความเมตตาจิตของเรา

 

การแผ่เมตตาด้วยจิตเช่นนี้สามารถทำให้กับทุกคนบนโลกใบนี้ได้ ให้แม้กระทั่งคนที่ตนเองไม่ชื่นชอบ หรือโกรธอยู่นั้นให้เบาลงก่อน แล้วจึงแผ่เมตตาให้กับเขา เมื่อแผ่เมตตาให้เขาไป เขาอาจเป็นคนที่ดีขึ้นก็เป็นได้เช่นเดียวกัน ทุกความเมตตาจะนำพาความสุขมาอยู่ที่จิตใจของเราทุกคน แต่สำหรับใครที่อยากแผ่ให้คนรักท่านไม่แนะนำให้แผ่เจาะจง เพราะเป็นการสร้างราคะ พุทธเจ้าบอกว่ามีเหตุ 2 อย่าง “บุพเพสันนิวาส” กับ “ปัจจุบันเหตุ” คือเกื้อกูลกันในปัจจุบันถึงจะเป็นเนื้อคู่กันได้ โบราณเขาบอกว่า “คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันเลย ถ้าไม่ใช่คู่คอเคยอย่ามาชะเง้อคอคอย คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วคู่สร้าง ถึงภูเขาขั้นกลางก็ยังพังเปิดช่อง”

 

สำหรับผู้สนใจร่วมฟังธรรมบรรยายดี ๆ ในโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” สามารถติดตามรับชมย้อนหลังผ่านช่องทาง facebook fanpage CPALL พร้อมรับฟังคติธรรมดี ๆ ในช่องทาง TikTok ได้ที่ ธรรมะ TikTok และจะประชาสัมพันธ์วันที่ และเวลา ที่โครงการเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ กลับมาจัดเป็นปกติอีกครั้งให้ทราบในโอกาสถัดไป

 

หน้าแรก » กิจกรรม