วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 07:54 น.

กทม-สาธารณสุข

การตรวจหาเชื้อ COVID-19 ทางน้ำลายและการใช้เทคโนโลยี LAMP PCR

วันศุกร์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563, 20.10 น.

การตรวจหาเชื้อ COVID-19 ทางน้ำลายและการใช้เทคโนโลยี LAMP PCR

 

 

วันนี้ (24 เมษายน 2563) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการแถลงข่าว เรื่อง “การตรวจหาเชื้อ COVID-19 ทางน้ำลายและการใช้เทคโนโลยี LAMP PCR” ขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศ .นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ. ดร.พลังพล คงเสรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการร่วมให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับความสำเร็จในการคัดกรองผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากน้ำลายและการใช้เทคโนโลยี LAMP PCR ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ด้วยในปัจจุบัน การวินิจฉัยการติดเชื้อ COVID-19 ใช้ตัวอย่างตรวจจากทางเดินหายใจส่วนต้น โดยการเก็บตัวอย่างตรวจจากโพรงหลังจมูก (nasopharyngeal) และลำคอ (throat) โดยการเก็บสิ่งส่งตรวจนั้นต้องใช้อุปกรณ์การเก็บ (swab) ซึ่งเก็บสิ่งส่งตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ ผู้รับการตรวจอาจมีความระคายเคืองและเจ็บจากการเก็บสิ่งส่งตรวจ ซึ่งบุคลากรผู้เก็บตัวอย่างมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อีกทั้งการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 ยังเป็นปัญหาทั่วโลก

 

 

จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าต่อมน้ำลายมีตัวรับ (receptor) ของเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของ COVID-19 และพบว่าในผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัยโรค COVID-19  แล้ว สามารถตรวจพบเชื้อได้ในน้ำลายในช่วงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จึงเป็นที่มาของการศึกษานี้ โดยคณะผู้วิจัยต้องการศึกษาความสามารถของการใช้น้ำลายเพื่อการวินิจฉัย COVID-19   

 

 

คณะผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างน้ำลาย และตัวอย่างตรวจจากโพรงหลังจมูกและลำคอ จากผู้เข้ารับการตรวจที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI clinic) ในโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อายุมากกว่า 18 ปี มีอาการทางเดินหายใจและเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังและสอบสวนผู้ป่วย COVID-19  (PUI) ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19  ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 200 ราย โดยให้ผู้เข้ารับการตรวจบ้วนน้ำลายใส่กระป๋องก่อนทำการเก็บตัวอย่างมาตรฐาน คือ ตัวอย่างจากโพรงหลังจมูกและลำคอ และนำมาตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยการทดสอบ RT-PCR ในตัวอย่างน้ำลาย จากการศึกษานี้พบเชื้อ SARS-CoV-2 จากการตรวจจากตัวอย่างมาตรฐาน 19 ราย (ร้อยละ 9.5) และตรวจพบ SARS-CoV-2 จากการตรวจตัวอย่างน้ำลาย 18 ราย (ร้อยละ 9.0) โดยเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีมาตรฐานพบว่าการทดสอบ RT-PCR ในน้ำลาย มีความไว (sensitivity) ร้อยละ 84.2 ความจำเพาะ (specificity) ร้อยละ 98.9 และมีความสอดคล้องของผลตรวจ (agreement) ร้อยละ 97.5

 

 

จากผลการศึกษาพบว่าการใช้น้ำลายเพื่อเป็นตัวอย่างในการตรวจวินิจฉัย COVID-19  มีความไวและความจำเพาะสูง การเก็บน้ำลายเพื่อเป็นตัวอย่างในการตรวจวินิจฉัย COVID-19  มีความเป็นไปได้ในการนำไปต่อยอดในการค้นหาผู้ป่วยในชุมชน และสถานที่ที่มีทรัพยากรจำกัด เนื่องจากการตรวจมีความสะดวก และสามารถเก็บตัวอย่างได้รวดเร็วในกลุ่มประชากรจำนวนมากได้ อีกทั้งยังสามารถลดการใช้ PPE และอุปกรณ์เก็บสิ่งส่งตรวจ คณะผู้วิจัยกำลังดำเนินการศึกษาวิธีการตรวจหาการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ที่มีความไวสูง เพื่อเป็นเครื่องมีในการวินิจฉัย COVID-19  ที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข