วันอังคาร ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567 23:26 น.

กทม-สาธารณสุข

สธ.ผวาคนหนุ่มสาวนำเชื้อโควิด-19 แพร่เชื้อสู่ผู้สูงอายุพุ่ง

วันอาทิตย์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2564, 21.06 น.

สธ.วอนคนหนุ่มสาวระมัดระวังนำเชื้อโควิด-19 เข้าแพร่เชื้อคนในบ้าน หลังพบผู้สูงอายุจำนวนมากที่ติดเชื้อจากภายในครอบครัว

วันที่ 17 ม.ค. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้พบการติดเชื้อในผู้สูงอายุจำนวนมาก โดยเป็นการติดเชื้อภายในครอบครัวจากคนหนุ่มสาวที่ไม่มีอาการ ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่มีจะอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ เช่น กรณีเขตทวีวัฒนา กทม. มีการติดเชื้อใน 2 ครอบครัว ทำให้มีผู้สูงอายุติดเชื้อทั้งอายุ 91 ปี 71 ปี และ 73 ปี หรือกรณี จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการติดเชื้อ 11 ราย ก็พบการติดเชื้อในเด็กอายุ 1 ปี 3 ปี และผู้สูงอายุ 55 ปี 57 ปี และ 77 ปี จึงต้องยกระดับการค้นหาเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องมีการกำกับ ติดตาม กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ครบ 14 วัน ช่วยลดเสี่ยงแพร่เชื้อต่อในชุมชน และลดเสี่ยงการติดเชื้อในผู้สูงอายุ พร้อมขอความร่วมมือลูกหลาน ที่อยู่หรือไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค

นอกจากนี้การตรวจเชิงรุกกลุ่มแรงงานต่างด้าวในหลายจังหวัด ยังทำให้พบผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวใน จ.พัทลุง 3 ราย และที่จ.ตรัง 2 ราย เป็นคนงานในโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา โดยคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่มือไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล และทำการตรวจโควิด 19 เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายในการตรวจ จึงพบเชื้อวันที่ 14 มกราคม ส่วนอีกรายเป็นพนักงานในโรงงานเดียวกันได้รับการตรวจด้วยก็พบเชื้อ โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 ราย กำลังเฝ้าระวังติดตามอาการ

นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก โดยประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,029 ราย ติดเชื้อสะสม 155,095 ราย และเมียนมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 491 ราย ติดเชื้อสะสม 133,569 ราย ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงและปกครอง ดำเนินการเฝ้าระวังการลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย รวมถึงการตรวจเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัยแรงงานส่วนใหญ่มักติดเชื้อไม่มีอาการ

สำหรับประชาชนยังต้องช่วยกันคงมาตรการส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ลดการเดินทางโดยไม่จำเป็น และช่วยเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตาภายในชุมชน หากพบเห็นบุคคลแปลกหน้า แรงงานต่างด้าวหรือคนไทยเข้าเมืองผิดกฎหมายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวัง ขอความร่วมมือไม่ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามา และขอให้คนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศอย่างถูกต้อง เข้ารับการกักกัน 14 วัน หากติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษา ทำให้ปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว และชุมชน

ส่วนกรณีที่นอร์เวย์พบผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด-19 จำนวน 23 ราย ว่า นอร์เวย์ได้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนคนละตัวกับที่ไทยตั้งเป้านำมาฉีดคนไทย อย่างไรก็ตาม แพทย์ของนอร์เวย์แนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว โดยต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล และยังไม่สรุปว่าการฉีดวัคซีนนี้ทำให้เสียชีวิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ทั้งนี้ ประเทศไทยจะนำข้อมูลมาใช้วางแผนดูแลการรับวัคซีนของคนไทยให้มีความปลอดภัยต่อไป