จากกรณีมีผู้เสียซึ่งเป็นลูกแชร์ “แม่นิว”ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความต่อที่ สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพรกว่า 30 รายโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.62 ที่ผ่านมาแต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นสื่อกลางในการติดตามเรื่องคดีดังกล่าวตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 พ.ย.ตัวแทนผู้เสียหายจาก “แชร์แม่นิว”จำนวน 5 คนได้เดินทางมาที่สภ.หลังสวน อำเภอหลังสวน พร้อมน.ส.แนน ซึ่งอ้างว่าเป็นน้องสาว น.ส.นิว หรือท้าวแชร์ “แม่นิว” เป็นตัวแทนเพื่อจะคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายก่อน  จำนวน 5 รายตามที่นัดไว้โดยทำหนังสือเป็นสัญญาเงินกู้ผ่อนจ่ายเป็นรายงวดตามจะตกลงเป็นรายบุคคล ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 30 คน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาทโดยจะเร่งติดต่อลูกแชร์ที่เป็นเจ้าหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 1  สัปดาห์ ซึ่งบ้านแชร์น.ส.แนน อ้างว่าเป็นบ้านแชร์เล็กๆเพียง 13-14 วงเท่านั้นมีผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นวงเงินรายละ 12,000  20,000 และ30,000 บาท

 

น.ส.แนน เผยอีกว่า “หลังตกเป็นข่าวว่าผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความจำนวนหลายราย ส่วนตัวก็ยังติดต่อพี่สาวได้แต่ระยะนี้เกิดอาการเครียด จึงเป็นตัวแทนในการนัดผู้เสียหายไกล่เกลี่ยหนี้ของพี่สาว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะให้พี่สาวกลับมาช่วยงานตนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป แต่ระหว่างนี้ผู้เสียหายไม่ได้ถอนแจ้งความและตนไม่ได้สั่งห้ามแจ้งความ จนกว่าจะได้เงินครบก่อนแล้วค่อยถอนแจ้งความ” น.ส.แนน บอกอีกว่าตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่อยากทำให้พ่อแม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรพลอยเดือดร้อนไปด้วยและไม่อยากให้ใครมาว่า  เพราะต้องอยู่ในสังคมต่อไป  แต่สำหรับลูกแชร์ที่รับเงินไปแล้วและไม่มาผ่อนจ่ายเงินโดยฉวยโอกาสเพิกเฉยเงียบหายช่วงเป็นข่าวเรื่องคดีความของแม่นิว  ทางเราไม่ได้นิ่งเฉยจะดำเนินคดีกลับไปเหมือนกันเพื่อเร่งรัดเอาเงินส่วนนั้นมาชดใช้ให้เจ้าหนี้ของแชร์แม่นิวต่อไป”

 

สำหรับน.ส.ปรีดา  หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า อย่างน้อยน้องสาวท้าวแชร์ “แม่นิว”ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบในส่วนของจำนวนเงินที่ทางท้าวแชร์ติดค้างไว้โดยรับว่าจะทยอยเรียกผู้เสียหายนัดคืนเงินทั้งหมด ส่วนเรื่องคดีความนั้นตนและพวกยังไม่ถอนแจ้งความและให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการ

 

หลังจากนั้นผู้เสียหายรวม 5 รายและน.ส.แนนได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ไพศาล  ศรีสวัสดิ์  พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการคุยไกล่เกลี่ยหนี้สินกันแล้วบางส่วน โดยได้รับการเปิดเผยว่าคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างเรียกผู้เสียหายเข้าพบวันละ 1-2 รายเพื่อสอบปากคำพร้อมรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป