วันที่ 9 ธ.ค.62 ที่สภ.เพ็ญ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภูธร จ.อุดรธานี,พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภูธร จ.อุดรธานี,พ.ต.อ.กีรติกร อมรพัฒน์ภาคิน ผกก.สภ.เพ็ญ,พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ บุญโชติ รองผกก.สส.สภ.เพ็ญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.อุดรธานี และตร.ชุดสืบสวนสภ.เพ็ญ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายวุฒิชัย หรือเท ม่านชนิด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 3 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ304/2562 ลงวันที่ 5 ธันวาคม 2562 ในข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

 

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ 14.30 น. ตร.สภ.เพ็ญได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนข้างโรงเรียนบ้านโพนเลา หมู่ที่ 7  ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจักรพันธ์ ศรีสิงห์ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 180 หมู่ที่ 7 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี โดยถูกยิงด้วยปืนลูกซองไม่ทราบขนาด ที่บริเวณใบหน้า เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุยิงนายจักรพันธ์ คือ นายวุฒิชัย โดยใช้อาวุธปืนลูกซองยาว จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปหลายจังหวัดทั้งจ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนมและสกลนคร ซึ่งสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาทถูกด่าถากถางเยาะเย้ยหลายๆ เรื่องและถูกรุมต่อย 4 ต่อ 1 จึงสู้ไม่ไหวจากนั้นได้กลับไปเอาอาวุธปืนกลับมายิงคู่อริจนเสียชีวิตดังกล่าว

 

ทั้งนี้การสืบสวนทราบว่า หลังก่อเหตุนายวุฒิชัยฯ หรือเท ได้ขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีดำ ทะเบียน งลษ 516 ชลบุรีพร้อมสะพายปืนหลบหนีไปในหลายพื้นที่ จ.นครพนม โดยใช้รถจักยานยนต์ เป็นยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงออกติดตามเพื่อจับกุม กระทั่งบ่ายวันที่ 7 ธันวาคม ตำรวจพบนายวุฒิฯ ขับรถบริเวณถนนช่วง อ.วานรนิวาส - อ.นาหว้า จ.สกลนครรอยต่อจ.ครพนม ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมและนำตัวมาสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ ข้างโรงเรียนบ้านโพนเลา หมู่ที่ 7 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี โดยมีชาวมามุงดูกันจำนวนมาก

 

ขณะที่นายวุฒิชัยฯ หรือเท เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยมีเรื่องอะไรกับผู้เสียชีวิต แต่รู้จักกับเพื่อนของผู้ตาย 1 คน ในวงการไก่ชน ระหว่างทางกลับบ้านตนเข้าไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิต และมีการสนทนากันเขาพูดดูถูกถากถางตนเอง จนมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกัน ตนถูกรุมทำร้ายร่างกาย 4 ต่อ 1 ตนสู้ไม่ได้ จึงแค้นมากกลับบ้านไปเอาปืนมายิง โดยยิงไปที่บ้าน 3 นัด นัดสุดท้ายผู้ตายเดินออกมาจากบ้านตนจึงยิงเพื่อป้องกันตัว สำหรับปืนนั้นตนเก็บได้ในป่านานมาแล้ว และนำมาเก็บไว้ที่บ้าน

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตร.ได้คุมตัวนายวุฒิชัยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาดูตัวคนร้ายจำนวนมาก ต่างพากันตะโกนสาปแช่งว่าใจโหดเหี้ยม ทำร้ายแม้กระทั่งเด็กวัยรุ่นอายุเพียง 20 ปี และตร.ชุด swat พร้อมอาวุธปืนครบมือต้องคอยระวังชาวบ้านจะรุมประชาทัณฑ์ โดยจุดแรกเป็นจุดที่นายวุฒิชัยขับรถจยย.พร้อมสะพายปืนมาจอดก่อนถึงบ้านประมาณ 30 เมตรยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด จากนั้นก็ขับรถไปจอดหน้าบ้านยิงไปที่ประตูบ้านจำนวน 2 จัดจนเห็นรอยกระสุนของปืนลูกซองเบอร์ 12 ติดกระจายผนังปูนของบ้านและประตู ส่วนนัดที่ 3 ได้ยิงเข้าบริเวณลำตัวของนายจักรพันธ์ ศรีสิงห์ อายุ 20 ปีจนล้มลงเสียชีวิต หลังทำแผนเสร็จเจ้าหน้าที่ตร.ต้องรีบนำตัวนายวุฒิชัยขึ้นรถกลับทันทีหวั่นชาวบ้านจะรุมประชาทัณฑ์

 

นายวัฒนา เยาะเย้ย อายุ 24 ปีกลุ่มของผู้ตายที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนกำลังให้น้ำไก่อยู่ภายในบ้าน นายวุฒิชัยก็ขับรถเข้ามาหา เพื่อมาดูไก่ชน แต่พาลหาเรื่องพวกตนและดูท่าทางคล้ายเมาอะไรมาไม่รู้ กลุ่มพวกตนจึงรุมทำร้าย นายวุฒิชัยสู้ไม่ได้จึงกลับไปเอาปืนมายิง โชคดีที่ตนเองไม่ถูกยิงด้วยเพราะตอนนั้นตนเองอยู่ในห้องน้ำและเพื่อนอีก 2 คนกลับบ้านไปแล้ว ช่วงที่อยู่ในห้องน้ำได้ยินแต่เสียงนายวุฒิชัยมือปืน พูดว่า พวกมึงเก๋าเหรอ!!!จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนหลายนัด ส่วนนายจักรพันธ์ผู้ตายนั่งเล่นหน้าบ้านจนสุดท้ายก็มาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว หากอยู่ครบ 4 คนคงถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมดแน่นอน

 

ทางด้านนายสมหมาย ศรีสิงห์ อายุ 42 ปี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานจับกุมผู้ต้องหามาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามขออโหสิกรรมให้ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าการตายของลูกชายมันกระทันหันเกินไป ภาพยังฝั่งอยู่ในจิตใจ มันเจ็บปวด คนร้ายมาฆ่าคนยังกะว่าคนไม่มีพ่อแม่ แต่ก็คงเป็นกรรมเวรของลูก ถ้าลูกตนเป็นคนไม่ดีเกเรตนจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ลูกตนตั้งใจทำมาหากินช่วยพ่อแม่ทำงานหาเช้ากินค่ำหยุดงานได้เพียง 3 วันก็มาจบชีวิตจนได้เสียใจมากจริงๆต้องมาเสียลูกชายคนเล็กไป