จากกรณี คนร้ายได้ย่องขึ้นไปบนพิพิธภัณฑ์วัดไหล่ฉกเอาพระศรีอารย์องค์เล็กไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 นายสมศักดิ์  ปาลวัฒน์ถนนตำบลบ้านชีและนายมณฑล  มีลาภ  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านชี ได้รับแจ้งจากประชาชนบ้านเรือท่าข้ามหมู่ 3 อำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี   ว่าได้พบพระพุทธรูป คาดว่าน่าจะเป็นพระพุทธรูปวัดไลย์ที่หายไปเร่งให้ไปตรวจสอบ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภท่าโขลงได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผู้นำ รูปหล่อพระพุทธรูป มาวางไว้ ที่ศาลาพักผู้โดยสารตำบลบ้านชีอำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรีอยู่ห่างจากวัดไลย์ประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านกำลังปรุงดูพระพุทธรูปองค์ ดังกล่าว ตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าน่าจะเป็นองค์พระศรีอาริยเมตไตรย ของวัดอะไรที่ได้หายไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 

 

ทางคณะกรรมการวัดไลย์ ตำบลเขาสมอคอนอำเภอท่าวุ้งจังหวัดลพบุรี ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ร้อยตำรวจเอก รินทร์ศักดิ์  ตระกูลธร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าโขลง ว่ามีวัตถุมงคลและพระพุทธรูป อันมีค่าของ วัดไลย์ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำบางขาม ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ได้หายไปหลายรายการ วันนั้นได้มีพ.ต.ท. ฉันทะ วิชัยปะหัวหน้าสถานี ตำรวจภูธรตำบลท่าโขลง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ มี วัตถุมงคลและพระพุทธรูปอันเก่าแก่มีค่าที่หายไปอาทิ พระพุทธรูป พระศรีอาริย์เมตไตย์ทรงเครื่องจำลอง หน้าตัก 22 นิ้ว จำนวน 1 องค์ ยุคสมัย รัชกาลที่4 ถึงรัชกาลที่.5 ซึ่งไม่สามารถประเมินราคได้ นอกจากนี้ยังมีเหรียญโลหะและรูปหล่อหลวงพ่อศรีอาริย์เมตไตย์ ประมาณ 10 ชิ้น หนังสือประวัติ พระศรีอาริย์เมตไตย์ จำนวน 5 เล่ม จุดเกิดเหตุเป็น พิพิธภัณฑสถานวัดไลย์ อาคาร 2 ม.10 ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี         

 

จาก การสอบสวนเจ้าหน้าที่วันและเวลาเกิดเหตุอยู่ ระหว่าง วันที่ 26 ก.พ.64 เวลา 16.00 น. - 4 มี.ค.64 เวลา 10.00 น. เนื่องจากเมื่อวันที่26กุมภาพันธ์ทางเจ้าหน้าที่กรรมการวัดพร้อมด้วยชมรมเรารักวัดไลย์ได้ทำการจัดวางสิ่งของในพิพิธภัณฑ์ และได้มีการปิดล็อกอย่างดี และเมื่อวันที่5มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรรมการวัดได้มาเปิดพิพธภัณฑ์อีกทีเพื่อจำจัดวางของใหม่  จึงได้พบว่ามีพระพุทธรูปหายไป  

 

ด้านพันตำรวจโท  ฉันทะ วิชัยป่ะ  หัวหน้า สถานีตำรวจภูธรตำบลท่าโขลง เปิดเผยว่า ทางวัด ได้มีการ ขยับขยายวัตถุมงคลและพระพุทธรูป จากพิพิธภัณฑ์วัดไลย์ หลังแรก บางส่วน มาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 เพื่อจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ประชาชนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ หลังใหม่นี้ จากเดิม นำมาวางไว้ชั้นล่าง มีสถานที่จัดเก็บ มิดชิดและรัดกุม แน่นหนาเหล็กดัดอย่างดี แต่ทางคณะกรรมการ ได้ย้ายขึ้นไปเก็บบนชั้น 3 ซึ่ง สถานที่ เปราะบางหละหลวม ต่อการโจรกรรมอย่างมาก โดยเฉพาะ มีคณะกรรมการหลายคน ตั้งแต่เป็นฆราวาส และพระสงฆ์ ได้ร่วมกันถือกุญแจดอกสำคัญดอกนี้ ผลจากการตรวจสอบ ปรากฏว่า ประตูที่ล็อคเก็บของ ชั้น3นั้นวัตถุมงคลและพระพุทธรูปที่หายไป ได้ถูกล็อคกุญแจไว้เช่นเดิม แต่สิ่งของได้หายไป ได้อย่างไร เรื่องนี้จะต้องทำการสอบสวน คณะกรรมการที่ถือกุญแจห้องนี้ด้วยคาดว่าอีกไม่นานจะรู้ผล และติดตามตัวคนร้าย ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ น่าจะมีใครสักคนหนึ่งภายในวัดรู้เห็นเป็นใจ กับของที่หายไป เพราะมีพิรุธจากกุญแจไม่ได้ถูกงัดแงะถูกปิดล็อคอย่างดีแต่ของนั้นหายไปได้อย่างไร หัวหน้าสถานีกล่าว 

 

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ เก็บลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุไว้แล้ว ขณะที่กล้องวงจรปิดภายในวัดเสีย นอกจากนี้ตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติและเชิญสมาชิกชมรมเรารักษ์วัดไลย์ ที่รู้เห็นว่ามีพระพุทธรูปมีค่าตั้งอยู่บนชั้น 3 รวมถึงพระสงฆ์ในวัดบางรูป มาสอบปากคำ หาข้อพิรุธ และได้เชิญพระสงฆ์/บุคคลที่ต้องสงสัย มาตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ เก็บลายพิมพ์นิ้วมือ และดีเอ็นเอ นำส่งเปรียบเทียบพร้อมไล่ข้อมูลกล้องวงจรปิด บ้าน/ร้านค้าที่ตั้งอยู่รอบวัด หารถต้องสงสัย ในคืนที่พบว่ามีเสียงหมาเห่าในวัด 

ซึ่งทาง พระครูวิลาศ  พัฒนกุล  เจ้าอาวาสวัดไลย์ มอบอำนาจให้ นายกิตติ หุตะมาน อายุ 51 ปี สมาชิกชมรมเรารักษ์วัดไลย์ ซึ่งเป็นกรรมการวัดและเป็นผู้ถือกุญแจพิพิธภัณฑ์ อาคาร 2 หรืออาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ของวัด เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าโขลง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ไว้แล้ว