วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 10:55 น.

อาชญากรรม

ตำรวจภูเก็ตพบเส้นทางโจรชิงทองใช้หลบหนี เชื่อคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี

วันจันทร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 15.09 น.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ต.ค.64ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รอง.ผบก.สส.ภ.8 รักษาการณ์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ชุดสืบสวน พฐ.เป็นต้นได้ประชุม เพื่อสรุปความคืบหน้าในการหาเบาะแสและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยใช้เวลากว่า 1.30 ชม.
 
พล.ต.ต.วันไชย เปิดเผยหลังการประชุมสรุปความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้แบ่งกำลังออกสืบสวนสอบสวนเป็น 2 ชุด โดยมี กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตและชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตออกสืบหาเบาะแสคนร้าย ตามเป้าหมายและสถานที่ต้องสงสัยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางนิติวิทยาศาสตร์และจากพยานแวดล้อม ทั้งเจ้าของร้านทั้ง 2 คนและประชาชนในละแวกใกล้เคียง ซึ่งเรามีกลุ่มเป้าหมายแล้ว ขอเวลาในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ ในส่วนที่คนร้ายนำโทรศัพท์มือถือของเจ้าของร้านไปด้วยนั้น เบื้องต้นยังไม่พบว่าคนร้ายนำไปขายที่ใด ซึ่ง ผบช.ภ.8 ได้สั่งการและกำชับเร่งด่วนในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันเราได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดตามถนนสายต่างๆมาประกอบการติดตามคนร้ายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพื่อเสนอออกหมายจับคนร้ายแล้วเช่นเดียวกัน
 
จากนั้น พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 ได้นำทีมสืบสวน ทั้ง กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตและ สภ.เมืองภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปยังร้านทองทวีชัย ถ.ระนอง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง สถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบร่องรอยและหาเบาะแสของคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งบริเวณจุดที่คนร้ายเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ระเบียบด้านนอกชั้น 2 บริเวณชั้นล่างหน้าตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณและบริเวณหน้าร้านขายทอง โดยมีพี่สาวเจ้าของร้านคอยอธิบายจุดต่างๆ ซึ่งมีนางเบญจพร วัชรัตนศิริยุทธ เจ้าของร้านทองน้องสาวนางพวงเพ็ญที่ได้รับบาดเจ็บระบุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม้ที่คนร้ายใช้ตีผู้บาดเจ็บนั้น เป็นไม้แบบที่วางอยู่ภายในร้าน ส่วนมีดก็เช่นเดียวกัน หลังจากนั้นได้ไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่รกร้างและบ้านร้างที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้เข้าและออกจากร้านทองทั้งหลังก่อเหตุและหลังก่อเหตุ โดยคนร้ายได้ปีนจากท้ายบ้านชั้นเดียวของชาวบ้านที่ติดอยู่กับด้านหลังร้านทองดังกล่าว แล้วเดินลัดเลาะและปีนขึ้นไปยังระเบียงด้านหลังร้านทองก่อนที่จะเปิดแผ่นหลังคา 1 แผ่น เพื่อลอดตัวเข้าไปเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ของร้านทอง และหย่อนตัวลงไป ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องนอนชั้น 2 ขู่บังคับนางพวงเพ็ญที่นอนอยู่ลงไปชั้นล่าง เพื่อเปิดตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณ และได้พบกับนาย หวังดีที่นอนดูทีวีอยู่ จนเกิดการต่อสู้กันในที่สุด ซึ่งชุดสืบสวนได้เริ่มแกะรอยหาภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย
 
    นางเบญจพรเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า คนร้ายน่าจะรู้ว่าบริเวณชั้น 2 ไม่มีใคร เพราะมันจะมืด จึงปีนหลังคาแล้วเจาะทะลุฝ้าเพดานในห้องน้ำลงมา ซึ่งอาวุธทั้งหมดก็ไม่ได้เตรียมมา เป็นของที่หาได้ภายในร้าน ทั้งมีดและไม้ จากนั้นได้มาทำร้ายคนในร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อบังคับให้เปิดตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณต่างๆ ส่วนค่าเสียหายที่คนร้ายชิงทองรูปพรรณไปนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สำรวจหรือตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอปิดตู้เซฟไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ซึ่งร้านทองทุกร้านต้องมีตู้เซฟไว้เก็บของมีค่าต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งถ้าคนร้ายเปิดเซฟได้ ของมีค่าทุกอย่างอยู่ในนั้น ความเสียหายเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย เบื้องต้นเชื่อว่าทองรูปพรรณต่างๆที่คนร้ายได้ไปน่าจะเกิน 300 บาท รวมเงินสดอีกจำนวนหนึ่งก็น่าจะเกิดหลัก 10 ล้านบาท ซึ่งร้านทองแต่ละร้านย่อมจะมีทองรูปพรรณชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก
 
โดยที่ร้านมีทองรูปพรรณกว่า 1 พันบาท มูลค่าเกือบ 30 ล้านบาท แต่คนร้ายมาเพียงคนเดียว จึงไม่สามารถเอาไปได้ หมด ซึ่งคนร้ายได้ทองไปในครั้งนี้มีน้ำหนักกว่า 300 บาท ทำให้น้ำหนักที่คนร้ายต้องแบกทองออกจากร้านไปกว่า 6 กก.ทำให้เป็นภาระของคนร้ายที่ไม่สามารถแบกทองในร้านกว่า 1 พันบาทไปได้ พูดง่ายๆถ้าเปิดตู้เซฟได้ ทุกอย่างก็จบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เก็บข้อมูลไว้ กลัวจะเสียรูปคดี ส่วนคนร้ายเชื่อว่าเป็นไปได้ทั้งคนงานต่างด้าวและคนไทยที่เคยเข้าออกที่ร้าน ที่ผ่านมาร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี ไม่เคยมีคดีดังกล่าวเกิดขึ้น จึงไม่ได้ทำประกันทองไว้ ซึ่งสมัยภูเก็ตเศรษฐกิจรุ่งเรือง ย่านนี้ไม่มีใครเป็นโจร แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ร้านต่างๆประกาศเซ้งกันเป็นจำนวนมาก ทำให้มีบ้าน อาคารร้างมาก ขณะเดียวกันมีการต่อเติม ตบแต่งใหม่ เพื่อเตรียมเปิดรับเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดี จึงมีการนำช่างต่างๆเข้ามาตามอาคาร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานยากขึ้น เลยต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เชื่อว่าฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินความสามารถ เพราะภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดค่อยข้างชัดเจน ซึ่งทั้งหมดเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิด คุณลุงคุณป้าก็อายุมากแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปสู้กับคนร้าย
 
ทั้งนี้มีการตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายคาดว่าใช้เข้ามายังหลังร้านทองและใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ นอกเหนือจากถนนเยาวราชบริเวณอาคารร้าง ยังมีตรอกเก่าที่สามารถเดินทะลุจากอาคารร้างและบริเวณที่โล่งร้างคือ ถนนกระบี่ ที่สามารถออกมายังตรอกใกล้ๆกับตลาดสดดาวน์ทาวน์ที่มีการเชื่อมต่อระหว่าง ถ.ระนองกับ ถ.กระบี่ได้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักเส้นทางหลบหนีเส้นนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากสามารถเดินเท้าจากหลังร้านทองทวีชัยผ่านอาคารร้างและบริเวณรกร้างออกมายังตรอกแคบๆที่สามารถเดินทะลุมายัง ถ.กระบี่ เยื้องพิพิธภัณฑ์ไทหัว และเดินเท้าผ่านตรอกแคบๆที่หนึ่งตรอกมุ่งหน้าไปยังบริเวณตลาดดาวน์ทาวน์ได้เลย เส้นทางระหว่างหลังร้านทองมายังตลาดดาวน์ทาวน์มีระยะทางราว 1 กม.ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่าคนร้ายอาจเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาจอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับตลาดดาวน์ทาวน์หรืออาจทำงานอยู่ในตลาดดาวน์ทาวน์เช่นกัน ซึ่งเส้นทางดังกล่าวต้องเป็นคนที่คุ้ยเคยหรือเคยใช้เส้นทางดังกล่าวประจำหรือเป็นอย่างดี จึงทราบเส้นทาง ตรอก ซอกซอยต่างๆ เพื่อปลอดผู้คนการพบเห็นมากที่สุด โดยคนทั่วไปไม่สามารถทราบเส้นทางเหล่านี้ได้เลย

หน้าแรก » อาชญากรรม