เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ร่วมบูรณาการกับ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามายังพื้นที่ตอนใน จำนวน 2 พื้นที่

จึงได้สั่งการให้ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังพลร่วมกับ พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี , กองร้อย ตชด. 134, กองร้อย ตชด.135, สภ.สังขละบุรี, สภ.ทองผาภูมิ, ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี ฝ่ายปกครอง อ.ทองผาภูมิ ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัด และลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจ ตามเส้นทางที่ได้รับแจ้งจากสายข่าว

 ต่อมาจนกระทั่งเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำ จุดตรวจร่วมน้ำเกริ๊ก สังเกตพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ขับมาจาก อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.ทองผาภูมิ จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ พบ นาย จอ นาย อู (ไม่มีชื่อสกุล) อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะสีเทา หมายเลขทะเบียน บน 3153 พัทลุง บรรทุกบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายมาภายในรถยนต์กระบะ จำนวน 11 คน (ชาย 6 คน และหญิง 5 คน) โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ และไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัวที่ทางราชการออกให้ได้ จากการสอบถาม นาย จอ นาย อูฯ ทราบว่า ตนได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 5,000 บาท ให้ไปรับกลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวนำไปส่งที่ ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังจากนั้นจะมีกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมารับ เพื่อลักลอบเดินทางข้ามไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียต่อไป โดยกลุ่มต่างด้าวผิดกฎหมายเสียค่าจ้างให้กับนายหน้าคนละ จำนวน 50,000 บาท (จ่ายเมื่อถึงปลายทาง) แต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำประวัติ และนำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดส่ง สภ.สังขละบุรี เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 อีกรายต่อมาเวลา 02.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณ สวนยางพารา บ้านเกริงกระเวีย ม.2 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สังเกตพบรถยนต์กระบะ จำนวน 3 คัน ขับเข้ามาจอดภายในสวนยางพาราดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ ทันทีที่ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จึงได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังติดตามผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ และอีกจำนวนหนึ่งทำการตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 3 คันอย่างละเอียด พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมาย จำนวน 48 คน (ชาย 38 คน และหญิง 10 คน) บรรทุกมาเต็มภายในท้ายรถกระบะ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัวที่ทางราชการออกให้ได้ จากการสอบถามผ่านล่ามฯ ทราบว่า กลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยอาศัยช่องทางธรรมชาติ หลังจากนั้นกลุ่มขบวนการลักลอบฯ ใช้เส้นทางบก และเส้นทางน้ำ เพื่อหลบเลี่ยงจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมายังจุดพักคอย เพื่อลักลอบเข้าไปทำงานยังพื้นที่ตอนในต่อไป โดยทั้งหมดให้การสารภาพว่า เสียค่าจ้างให้กับนายหน้าคนละ จำนวน 18,000 บาท (จ่ายเมื่อถึงปลายทาง) แต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำประวัติ และนำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดส่ง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 พ.อ.พรรณศักย์ฯ เปิดเผยว่า ตลอดห้วงที่ผ่านมากลุ่มขบวนการขนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายมีความพยายามลักลอบกระทำความผิดในพื้นที่ชายแดนกาญจนบุรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ได้กำชับให้ หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการกระทำผิดในพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด ตามนโยบายของ ผบ.ทบ./ผบ.ศปก.ทบ. และ มทภ.1/ผอ.ศปก.ทภ.1 เพื่อป้องกันขบวนการสิ่งผิดกฎหมายที่อาจหลุดรอดเข้าไปสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่ง หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อความมั่นคงของชาติ และความผาสุกของพี่น้องประชาชน...