วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 13:07 น.

เศรษฐกิจ

"ชาญศิลป์"สั่งกลุ่มปตท.รับมือการค้าโลก ลั่นผลประกอบการที่เหลือมีแนวโน้มสดใส

วันพฤหัสบดี ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, 19.25 น.
"ชาญศิลป์"สั่งกลุ่มปตท.รับมือการค้าโลก
 ลั่นผลประกอบการที่เหลือมีแนวโน้มสดใส
 
 
 "ชาญศิลป์" สั่งกลุ่ม ปตท.ปรับตัวรับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน-ประหยัด ระบุมั่นใจผลประกอบการที่เหลือจะดีกว่าไตรมาส 1/62 ลั่นปิดบริษัทในเครือ 20-30 แห่งไม่ได้ทำตามคำสั่งรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับผลงานทางธุรกิจ
 
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ปตท.ได้ติดตามสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ขณะนี้เริ่มมีผลกระทบในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออก ซึ่งกำชับบริษัทในเครือให้ดำเนินการโดยระมัดระวังและประหยัดมากที่สุด และในด้านภาคการส่งออกเม็ดพลาสติกก็ได้ขยายตลาดให้กว้างขวางมากที่สุด เช่น ไปตลาดแอฟริกา ตลาดอินเดีย เป็นต้น ส่วนโรงงานทั้งปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน กรณีการปิดซ่อมบำรุง  ให้พิจารณาว่า ทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ ระยะเวลาสั้น เพื่อให้เกิดต้นทุนต่ำที่สุด
 
ทั้งนี้ได้ติดตามสถานการณ์สงครามการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันผันผวนและราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นมาอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่ามีผลต่อการทำธุรกิจได้ ประกอบกับได้กำชับบริษัทในเครือให้ประหยัดและมีการวางแผนรับมือต่อไป
 
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่เหลือปีนี้ คาดว่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2562  ที่ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 29,300 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 26.3% แต่เพิ่มขึ้นกว่าไตรมาส 4/2561 หรือ 50% ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมายผลประกอบการจะต้องดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/2561  
 
อย่างไรก็ตามปตท.ได้รายงานต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่15 พ.ค.2562 ในเรื่องการปิดบริษัทในเครือ 20-30 แห่ง จากทั้งหมดกว่า 200แห่ง โดยการดำเนินการปิด-เปิดบริษัทขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในการบริหารธุรกิจของ ปตท. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสั่งการของรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด  ซึ่งขึ้นอยู่กับผลดำเนินงานและโอกาสทางธุรกิจ รวมทั้งความจำเป็นในการดำเนินงาน  โดยบริษัทที่เหลือส่วนใหญ่มีแนวโน้มธุรกิจที่ดีและมีกำไร