วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 23:15 น.

เศรษฐกิจ

เอสซีจี เซรามิกส์ โชว์ผลกำไรยังแน่นปึก

วันอังคาร ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 16.04 น.
เอสซีจี เซรามิกส์ โชว์ผลกำไรยังแน่นปึก
 
เอสซีจี เซรามิกส์ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี62 กำไร113 ล้านบาทสวนกระแส เดินหน้าสร้างฐานธุรกิจเติบโต ยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าด้วยห้องปฏิบัติการทดสอบได้มาตรฐาน
 
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,790 ล้านบาท ลดลง 5 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไร 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง84% จากไตรมาสก่อน   ปัจจัยสำคัญมาจากการตั้งประมาณการค่าใช้จ่ายตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่เพิ่มสิทธิค่าชดเชยกรณีพนักงานเกษียณอายุจาก 300 วันเป็น 400 วัน ทำให้ต้องตั้งประมาณการสำรองค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ เป็นจำนวน 124 ล้านบาท
 
“ไตรมาสนี้ บริษัทฯ สามารถทำกำไรได้ประมาณ 113 ล้านบาท แต่เนื่องจากเราต้องตั้งประมาณการค่าใช้จ่ายตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่เพิ่มสิทธิค่าชดเชยพนักงานเกษียณอายุจาก 300 วัน เป็น 400 วัน เมื่อหักลบในส่วนนี้แล้วจึงทำให้กำไรลดลงจากไตรมาสแรก ” นายนำพล กล่าว
 
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 เอสซีจี เซรามิกส์ มีรายได้จากการขาย 5,802 ล้านบาท ลดลง4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน  โดยมีกำไรสำหรับงวด 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น182% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำไรจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค
 
นายนำพล กล่าวว่า ไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่มีปัจจัยบวก การที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อรอดูทิศทางของภาครัฐและสถานการณ์ในประเทศ ส่งผลกระทบต่อยอดขายเซรามิกและอัตราการเติบโตของตลาดเซรามิกในประเทศเป็นศูนย์ ประกอบกับความขัดแย้งของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและทำให้การแข่งขันจากสินค้านำเข้ารุนแรงมากยิ่งขึ้นมีผลกระทบต่อราคาขาย  แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนจากการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตามเป้าหมาย ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถแข่งขันและทำกำไรได้”
 
ในส่วนของตลาด CLM  ตลาดพม่าและกัมพูชายังเติบโตต่อเนื่อง แต่เริ่มมีการชะลองานโครงการขนาดใหญ่ที่กัมพูชา ส่วนตลาดลาวมีสัญญาณชะลอตัวเนื่องจากสถานะขาดดุลต่อเนื่องของรัฐบาลและการอ่อนค่าของเงินกีบ สำหรับตลาดต่างประเทศอื่น ๆ นั้น มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าเพิ่มมากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
 
นายนำพล กล่าวว่า “บริษัทฯ มีแผนการรองรับโดยเร่งขยายการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLM โดยไตรมาสที่ผ่านมาสามารถเจาะตลาดและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้หลายรายแม้ว่าการแข็งตัวของค่าเงินบาทจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ตาม ส่งผลให้ยอดขายในส่วนของตลาด CLM กระเตื้องขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การแข็งตัวของค่าเงินบาทมีผลทำให้ศักยภาพในการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่งลดลงและทำให้สถานการณ์การแข่งขันของสินค้านำเข้ารุนแรงมากขึ้นด้วย”
 
ทั้งนี้ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์สินค้า
 
 “ในการสร้างแบรนด์สินค้าให้อยู่ในใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น คือ การรักษามาตรฐานและยกระดับคุณภาพสินค้าซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของแบรนด์โดยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครับรู้และให้การยอมรับมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้ว่าในทุกโรงงานที่เป็นฐานการผลิตของเราจะมีห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพกระเบื้องที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก.17025 (ISO/IEC-17025) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้การรับรองห้องปฏิบัติการทดสอบที่มีการดำเนินงานด้านระบบคุณภาพ มีความสามารถทางวิชาการและผลการทดสอบที่ออกโดยห้องปฏิบัติการเป็นที่เชื่อถือได้ว่าถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ”นายนำพล กล่าวว่า