วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 17:58 น.

เศรษฐกิจ

เร่งAction Plan สรุปภายใน1เดือน

วันจันทร์ ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2562, 17.13 น.

เร่งAction Plan สรุปภายใน1เดือน

         

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแปรนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้
         

1.การพิจารณานโยบายปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ทุกประเภทบนถนนที่มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลการทบทวนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดอัตราความเร็วบนทางหลวง ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 พบว่า กฎหมายดังกล่าวมีข้อกำหนดที่ทับซ้อนกัน โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มีการบังคับใช้กฎหมายในเชิงพื้นที่ ในขณะที่พระราชบัญญัติทางหลวงฯ มีการบังคับใช้เชิงลักษณะชนิดของทาง ที่ประชุมฯ จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับแก้กฎกระทรวงในการกำหนดอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์ตามพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ให้สอดคล้องกัน โดยใช้ประเภทของถนนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างเช่น ถนนที่มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องจราจรขึ้นไป ซึ่งมีการแบ่งทิศทางการจราจรแยกออกจากกันและมีเกาะกลางหรือกำแพงกั้นเป็นความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้ ควรกำหนดอัตราความเร็วต่ำสุดที่อนุญาตให้ใช้ในช่องจราจรขวาสุด รวมทั้งกำหนดบทลงโทษผู้ขับขี่ที่ใช้ช่องจราจรขวาสุดที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นต้น
           

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกัน เพื่อแก้ไขการใช้กฎหมายความเร็วให้สอดคล้องกันทั้ง 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหน่วยงานให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎกระทรวงความเร็วก่อนเสนอ คจร. พิจารณา ทั้งนี้ การปรับความเร็วรถจะต้องพิจารณาประเภทของถนน และมาตรฐานความปลอดภัยด้วยการจัดระเบียบการใช้รถใช้ถนน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องสินบนนำจับ ซึ่งถนนเส้นทางใดมีความพร้อมจะสามารถดำเนินการได้ก่อน
         

 2. การพิจารณานโยบายปรับเวลาการอนุญาตให้รถยนต์บรรทุกขนาดตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ตั้งแต่เวลา 24.00 – 04.00 น.ด้วยสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม เรื่อง ขอให้ทบทวนหรือชะลอนโยบายห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้ากรุงเทพฯ และปริมณฑลบางเวลา โดยเสนอว่า ปัญหาการจราจรของกรุงเทพฯ มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยและรถบรรทุกเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากในแต่ละวันมีรถบรรทุกวิ่งเข้า – ออกพื้นที่กรุงเทพฯ เฉพาะช่วงเวลาเพียงวันละ 12 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้น การขยายระยะเวลาห้ามรถบรรทุกเข้าเมืองเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุแต่จะมีผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์และระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง การขนส่งจะต้องเชื่อมต่อกันทุกระบบจะเกิดปัญหาลูกโซ่ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ผลกระทบต่อการพักผ่อนเวลากลางคืนของชาวกรุงเทพฯ โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้

- ทบทวนหรือชะลอนโยบายอนุญาตให้รถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อ วิ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงเวลา 24.00 – 04.00 น.

- ควรมีการประชุมกับเอกชนผู้เกี่ยวข้องให้รอบด้านเพื่อความรอบคอบ

- ให้ สนข. ร่วมกับสถาบันการศึกษาทำการศึกษารายละเอียดผลกระทบด้านโลจิสติกส์ให้รอบคอบ

- เลื่อนเวลาทำงานและเลิกงานของราชการและรัฐวิสาหกิจให้เลื่อมกัน เพื่อกระจายปริมาณรถยนต์และลดความแออัดบนถนน

- ย้ายโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมออกนอกพื้นที่เมือง

- ยกเลิกการใช้ประโยชน์ท่าเรือกรุงเทพ และผลักดันการพัฒนาท่าเรือบก (DRY PORT)

- สร้างจุดพักรถบรรทุก สถานีขนส่งสินค้ารถบรรทุก เพื่อพักสินค้าและเปลี่ยนถ่ายสินค้ารถใหญ่ไปใช้รถเล็ก
             

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับข้อเรียกร้องดังกล่าวไปพิจารณา โดยกำหนดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ให้ชัดเจนภายใน 1 เดือน ซึ่งมาตรการทั้งหมดต้องตอบโจทย์เรื่องการจราจร ต้นทุนการก่อสร้าง และให้พิจารณาข้อกฎหมายของ กทม. ประกอบด้วย โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนเป็นหลัก และผลกระทบต่อภาคเอกชนโดยให้พิจารณากำหนดมาตรการเยียวยาต่อไป