เศรษฐกิจ
อีสท์ วอเตอร์ ไตรมาสแรก กำไร 370.68 ล้าน
วันจันทร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 18.31 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
อีสท์ วอเตอร์ ปลื้มผลประกอบการ ไตรมาสแรก 2564 ทำกำไรสุทธิ 370.68 ล้านบาท จากการจำหน่ายน้ำดิบเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้ดี และการบริหารจัดการที่ดีในภาวะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19 พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านแหล่งน้ำและสร้างโอกาสในธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2564 รายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 1,230.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.90 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 6.39% โดยหลักจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายกลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 370.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.19 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 17.87%
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 อีสท์ วอเตอร์มีรายได้จากการขายน้ำดิบ จำนวน 794.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.84 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 11.80% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 โดยรายได้น้ำดิบเพิ่มขึ้น จากการใช้น้ำดิบเพิ่มสูงขึ้นจากลูกค้าประเภทต่างๆ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวม 6.70 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ เพิ่มขึ้น 10.33% โดยสามารถแยกกลุ่มลูกค้าเป็นนิคมอุตสาหกรรม 59% กลุ่มอุปโภคบริโภค 28% กลุ่มสวนอุตสาหกรรม 2% กลุ่มกิจการประปาของกลุ่มบริษัท 9% กลุ่มโรงงานทั่วไป 2% ส่วนรายได้จากการขายน้ำประปา มีจำนวน 361.77 ล้านบาท ลดลง 11.72 ล้านบาท หรือ ลดลง 3.14% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ในขณะที่ปริมาณน้ำประปาจำหน่ายเพิ่มขึ้น 0.46 ล้าน ลบ.ม. หรือ เพิ่มขึ้น 1.90% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 สาเหตุหลักจากราคาจำหน่ายน้ำประปาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายน้ำอุตสาหกรรม จำนวน 4.46 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำอุตสาหกรรมจำหน่าย รวม 0.28 ล้านลูกบาศก์เมตร
หากมองทิศทางและแนวโน้มอุตสาหกรรม ธุรกิจน้ำดิบของอีสท์ วอเตอร์ มีโอกาสเติบโตจากปัจจัยหลักการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายผลักดันให้พื้นที่จังหวัด ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเมื่อพิจารณาศักยภาพของธุรกิจน้ำดิบถือว่ามีความพร้อมสูง ทั้งด้านการลงทุน ด้านเสถียรภาพแหล่งน้ำ และระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบ
ในด้านสถานการณ์น้ำพบว่าแหล่งน้ำของอีสท์ วอเตอร์ในพื้นที่ชลบุรีและระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักส่วนใหญ่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะ 8 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังปี 2563 เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากพายุที่พัดผ่านในพื้นที่ประเทศไทยจึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จากการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าปริมาณฝนรวมในภาคตะวันออกเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน จะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติประมาณ 5%-10% ส่วนเดือนกรกฎาคมจะมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 5 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของบริษัทในพื้นที่ชลบุรีและระยองเฉลี่ยอยู่ที่ 47% และ 61% ของความจุอ่างเก็บน้ำตามลำดับ
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวนและผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องทั่วโลก ยังคงมีปัจจัยบวกจากการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งอีสท์ วอเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านการให้บริการน้ำครบวงจร ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำให้แก่ EEC จึงมั่นใจได้ว่าอีสท์ วอเตอร์จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำรองรับการเติบโตทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่