วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 15:59 น.

เศรษฐกิจ

กทท.-กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ร่วมทุนท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 3

วันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 14.38 น.
กทท.-กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ร่วมทุนท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 3
         
 
เรือโทยุทธนา โมกขาว รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) รักษาการแทนผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนฯ พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สกพอ. พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน
โดยโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของ ท่าเทียบเรือ Fโดยเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (GPC) ร่วมลงนามสัญญาร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่าสำหรับแผนการดำเนินโครงการท่าเทียบเรือแหลมฉบังระยะที่3นั้น ในส่วนของการท่าเรือ
 
           
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่สกพอ. ได้เร่งขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง รองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากดำเนินการก่อสร้างท่าเรือ F1 แล้วเสร็จ ซึ่งสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 คือระยะแรก จากนั้นระยะที่2 คือ ท่าเทียบเรือF2 และท่าเทียบเรือ F 3 จะแล้วเสร็จทั้งหมด ภายใน ปี 2572 ทั้งนี้ หากโครงการทั้ง 3ระยะแล้วเสร็จ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับตู้สินค้าได้ 18ล้านตู้ต่อปี จากเดิม 11ล้านตู้ต่อปี หรือคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 7ล้านตู้ต่อปี โดยเป็นสัญญาณที่ดีในการขยายตัวของปริมาณเรือขนส่งสินค้าทางทะเลขึ้นได้ ยกระดับไทยเป็นประตูการค้าเชื่อมภูมิภาคเอเชียไปสู่ระดับโลก
               
นอกจากนี้ สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐจะได้รับจากโครงการดังกล่าวเป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อ TEU (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ที่มีขนาด 20 ฟุต) มีระยะเวลาร่วมลงทุน 35 ปี ซึ่งที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
           
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังฯ ถือเป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ร่วมระหว่างรัฐ - เอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) ที่ สกพอ. ได้ดำเนินการเพื่อเป็นต้นแบบการลงทุนโครงการสำคัญของรัฐ โดยขณะนี้ โครงสร้างพื้นฐานหลักใน อีอีซี ได้ดำเนินการครบ 4 โครงการ โดยเงินร่วมทุนรวม 654,921 ล้านบาท เอกชนร่วมทุน 416,080 ล้านบาท รัฐร่วมทุน 238,841 ล้านบาท โดยเอกชนให้ผลตอบแทนภาครัฐ 440,193 ล้านบาท รัฐได้ผลตอบแทน 201,352ล้านบาท อย่างไรก็ตาม
ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะสามารถรองรับเรือที่มีขนาดบรรทุกสินค้าใหญ่ที่สุดในโลกได้ มีการบริหารจัดการสินค้าด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งจะมีโครงข่ายเชื่อมโยงหลังท่าเรือ ทั้งทางบก ทางราง และทางเรือชายฝั่ง อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนผสมผสานให้เป็นท่าเรือสีเขียว คำนึงถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อันจะนำไปสู่ท่าเรือชั้นนำระดับมาตรฐานโลกต่อไป