Siriraj Open House 2019  โอกาสทางการศึกษาคณะแพทยศาสตร์

รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึง เกณฑ์การรับนักศึกษาแพทย์ปี 2563 ว่ายังคงรับ 3 รอบ รวมทั้งสิ้นจำนวน 292 คนเหมือนเดิม แต่ได้เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีความสามารถหลากหลายมากขึ้น โดย TCAS รอบ 1 จะพิจารณาจาก portfolio ของนักเรียนที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง หรือเหรียญเงิน จากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระดับชาติ ของ มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ใน 7 สาขา ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และยังเพิ่มดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ รวม 25 คน โดยจะคัดเลือกด้วยการสอบสัมภาษณ์แบบ multiple mini-interview ซึ่งรอบแรกจะเปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 2 - 16 ธันวาคม 2562

รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ เผยต่อไปว่า TCAS รอบ 2 หรือ รอบโควตา รับ 7 คน จากโครงการทุนมหิดลวิทยาจารย์ (PhD, MD) 1 คน และเพิ่มโอกาสให้เยาวชนที่มีความสามารถพิเศษทางกีฬา 1 คน และดนตรี  1 คน นอกจากนี้ ยังเป็นปีแรกที่เปิดรับผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี โดยไม่จำกัดสาขา แต่มีความตั้งใจศึกษาต่อแพทยศาสตร์ เพียงแต่ต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี นับจากวันเปิดภาคการศึกษาที่สมัคร และต้องสอบ 7 วิชาสามัญ และวิชาเฉพาะของ กสพท ซึ่งจะรับ 4 คน ส่วน TCAS รอบ 3 เป็นการรับตรงปกติ (ผ่าน กสพท) จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 260 คน

“หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้มีการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัย และรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุค Digital Transformation ซึ่งเราหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนักเรียน ม.ปลาย ที่มีความตั้งใจจริงว่าอยากเรียนแพทย์เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ศิริราช ปี 2563 สำหรับผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.si.mahidol.ac.th/th หรือสอบถามที่ ฝ่ายการศึกษา โทร. 0-2419-6410”

ท้ายนี้ รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ เชิญชวนผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายร่วมงาน “Siriraj Open House 2019” เพื่อรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ภายในงานจะมีการแนะนำหลักสูตรต่างๆ เล่าถึงชีวิตนักศึกษา และกิจกรรมดีๆ มากมาย ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลา 08.00 - 16.30 น. ณ อาคารศรีสวรินทิรา รพ.ศิริราช สำรองที่นั่งและดูรายละเอียดได้ที่ http://www.educationsi.sicsc.net/ หรือ Facebook : Siriraj open house  

นศพ.ปรางระริน ติยวัฒนาโรจน์ หรือ "แก้ม"  นักศึกษาแพทย์ศิริราช ชั้นปีที่ 5 จากโครงการโอลิมปิกวิชาการ เล่าถึงการเลือกมาศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลว่า “ศิริราชเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมานาน ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มีแพทย์ที่มีความสามารถในทุกสาขา เพื่อดูแลผู้ป่วยตั้งแต่โรคทั่วไปจนถึงโรคที่ซับซ้อน ตนจึงคิดว่าถ้าตนจะเรียนแพทย์ ก็อยากเข้าเรียนที่นี่ ประกอบกับได้ยินจากรุ่นพี่ในโครงการโอลิมปิกวิชาการซึ่งเข้ามาศึกษาที่คณะแพทย์ศิริราชว่า “อยู่ที่ศิริราช ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เวลามีปัญหา จะมีพี่ ๆ และคณาจารย์คอยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอยู่ตลอด ไม่ว่าเราจะไปใช้ทุนต่อ หรือไปทำงานที่ใดก็ตาม แต่ต้องขอบอกก่อนว่าที่นี่การเรียนเข้มข้น เรียกว่าหนักเลยล่ะ แต่ว่าอยู่แล้วสบายใจ"

"ตัวเองสนใจแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและด้านผิวหนัง แต่คิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์อย่างเดียว จริงอยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะเป็นแพทย์แล้ว เราต้องทำหน้าที่แพทย์ให้ดีที่สุด รักษาคนไข้ให้ดีที่สุด ส่วนอื่นนอกจากบทบาทการเป็นแพทย์แล้ว เราก็ยังสามารถเป็นได้อีกหลายบทบาทในชีวิต อย่างตนเองสนใจในเรื่องการทำอาหาร ตั้งใจว่าเมื่อจบแพทย์แล้ว อาจจะไปต่อยอดในเรื่องของการทำอาหารด้วย  อยากให้น้องๆ เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ มากกว่าตามคนอื่น เรื่องของความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเรียนสาขาวิชาอะไร หรือทำอาชีพอะไร ในชีวิตจริงมีอะไรมากกว่า 6 ปี ที่ต้องเรียนแพทย์ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญกับอนาคตของเรา ดังนั้นก็จะต้องทำให้ดีที่สุดเช่นกัน"

นศพ.จิรายุ พักตร์ฉวี หรือ "นัต" นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสอบเข้าเรียนแพทย์ผ่านโครงการโอลิมปิกวิชาการเช่นกัน เล่าว่า "สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา วิชาที่ตัวเองถนัดที่สุดคือวิชาฟิสิกส์ ซึ่งในการเรียนแพทย์นั้น ใช้เนื้อหาวิชาฟิสิกส์โดยตรงไม่มาก แต่ใช้หลักในการเรียนคล้ายกัน โดยหากเราสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาหลักๆ ที่เป็นโครงสร้างสำคัญได้แล้ว เนื้อหาในส่วนอื่นๆ ก็จะทำความเข้าใจตามมาได้ไม่ยาก รวมถึงช่วยให้จดจำรายละเอียดเพิ่มเติมได้ดีขึ้นกว่าการท่องจำตรงๆ ยิ่งไปกว่านั้นหากเราสามารถเอาเรื่องที่ได้เรียนมาใช้จริง เราจะเข้าใจและจดจำได้ดี และนานยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งฟิสิกส์และแพทย์นั้นเป็นวิชาที่สามารถประยุกต์เอามาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้ง่าย เห็นผลจริง จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตนเองชอบ และตัดสินใจเข้ามาเรียนวิชาชีพนี้

"การที่เราได้ทำให้คนอื่นดีขึ้น ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นในทุกๆวัน ก็เป็นความสุขง่ายๆ ที่เกิดขึ้นได้กับคนรอบข้างและตัวเราเอง ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อตัวเองเท่านั้น การทำเพื่อคนอื่นก็ช่วยให้เรามีความสุขได้ไม่แพ้กัน ผมมีความสนใจจะเป็นแพทย์ด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ ซึ่งเกี่ยวกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ เนื่องจากเป็นคนที่ชอบทำหัตถการ มีความสุขที่ได้เข้าช่วยในฟีลด์ผ่าตัด ประกอบกับเวลาว่างชอบออกกำลังกาย เล่นกีฬาได้หลายประเภท ชอบดูการแข่งกีฬา คลิป YouTube ที่สอนเกี่ยวกับการเล่นฟิตเนส ซึ่งหลักการและเนื้อหามีความใกล้เคียงกับสาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ จึงคิดว่าหากเราสามารถเอาสิ่งที่ชอบมาผนวกเข้ากับอาชีพได้ จะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก จึงตั้งใจจะเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชานี้"

นศพ.จิรายุฝากถึงน้อง ๆ ม.ปลาย ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต อยากให้ลองสำรวจและฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่างจริงจังว่า ในอนาคตอยากจะเป็นอะไร มีตำแหน่งงานรองรับแค่ไหน สอดคล้องกับความชอบ หรือความถนัดของเรามากน้อยอย่างไร หากเจอเป้าหมายแล้ว อยากให้ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ ลงมือทำอย่างสุดความสามารถ    พี่ๆ จะขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับน้องๆ เพื่อคว้าเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ "

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดงาน “มหิดลวิชาการ เปิดบ้านมหิดล ประจำปี 2562"  ระหว่างวันที่ 1 - 2 พฤศจิกายน 2562 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ภายในงานมีการเสวนา "มหิดล TCAS ประจำปีการศึกษา 2563" กิจกรรม Mahidol Open House แนะนำคณะต่างๆ นอกจากนี้จะมีการนำชมบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา และกิจกรรม MU Festival โดยสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล พบกับกิจกรรมดีๆ พร้อมตอบคำถามชิงรางวัล และการแสดงดนตรีจากนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่า ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล  มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ผู้ที่มาร่วมงานจะได้รับของที่ระลึกฟรี ! สอบถามโทร. 0-2849-4513 ลงทะเบียนออนไลน์ที่ https://mahidol.ac.th/openhouse/2019 ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2562