วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 11:33 น.

การศึกษา

โค้งสุดท้าย “สถาพร-สืบพงษ์” ชิงดำ อธิการบดี ม.รามคำแหง

วันอาทิตย์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 18.39 น.

โค้งสุดท้าย “สถาพร-สืบพงษ์” ชิงดำ อธิการบดี ม.รามคำแหง

เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันสำหรับการตัดสินใจของชาวรามคำแหงว่าจะเลือกใครมานั่งกุมบังเหียน ในตำแหน่งอธิการบดี

อย่างที่เคยบอกกล่าวกันว่า มีผู้สมัครที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเพียง 3 คน จากผู้ยื่นขอในสมัคร 13 คน ประกอบด้วย เบอร์ 1 ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เบอร์ 2 ผศ.ดร.สถาพร สระมาลีย์ และเบอร์ 3 รศ.ดร.ปรัชญา ชุ่มนาเสียว

ทั้ง 3 คนได้ผ่านเวทีการแถลงนโยบายต่อบุคลากรในรั้วรามคำแหงทั้งสามสายมาแล้ว คือ สายอาจารย์ สายเจ้าหน้าที่ และสายนักศึกษา ส่วนแต่ละคนจะได้นับคะแนนนิยมกี่มากน้อย เมื่อบวกรวมกับคะแนนจากการเดินสายพบผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผลจะออกมาในวันลงคะแนน 20 ตุลาคมนี้แล้ว

เบอร์ 1 อ.สืบพงษ์ เคยเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงแรงงานมาก่อน ตอนที่อยู่ในรั้วรามคำแหงนั้นเคยทำหน้าที่คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ นโยบายที่ใช้หาเสียงอาทิ พัฒนาระบบการเรียนการสอนเพื่อให้รามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่ทันสมัยอย่างแท้จริง ,จัดระบบ Shuttle Bus ในมหาวิทยาลัย , ยกระดับงานอนามัยเป็นศูนย์สุขภาพชุมชน ,สร้าง RU IT Academic Platform สำหรับการเรียนการสอนให้เท่าทันโลกยุคใหม่ , สนับสนุนบุคลากรให้ศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและสามารถปรับวุฒิการศึกษาได้ตามความเป็นจริงเเละเป็นธรรม ,เพิ่มจำนวนและขยายเวลาปิด/เปิดห้องอ่านหนังสือ (โดยเฉพาะโซนด้านหลังราม) , “ห้องน้ำสวย ห้องน้ำสะอาด” เปิดบริการตลอด 7 วัน/สัปดาห์, สร้างรายได้ให้นักศึกษาโดยการฝึกอาชีพเสริม ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, จัดสัปดาห์นัดพบแรงงาน

ส่วนเบอร์ 2 ผศ.ดร.สถาพร สระมาลีย์ มาจากคณะนิติศาสตร์ เน้นหาเสียงด้านรายได้และสิทธิที่เสียไปของอาจารย์และสายสนับสนุน เช่น พลิกโฉมมหาวิทยาลัย สร้างความเป็นเลิศ ,กระจายงานกระจายรายได้ของบุคลากร ,การสร้างสวัสดิการเป็นรายได้นอกจากเงินเดือน พร้อมเรียกคืนสิทธิจ่ายเต็ม เงินเดือนของพนักงานสายอาจารย์ ,คืนสิทธิค่าคุมสอบ ปรับค่าคุมสอบให้กลับมาเช่นเดิม ,การคืนสิทธิการเรียนภาษาจ่ายคืน 5,000 บาท และภาษาที่ 2 จะได้เพิ่มอีก 5,000 บาท,จัดทำวารสารและบทความทางวิชาการของทุกคณะ ,จัดระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ,คืนสิทธิจ่ายเต็มเงินเดือนพนักงานสายอาจารย์ 1.7  ให้เป็นไปตามมติ ครม. ,จัดตั้งคลินิกวิชาการ ,ลูกจ้างมหาวิทยาลัยเมื่อเกษียณรับบำเหน็จห้าเท่าของเงินเดือน ,จัดทำระบบประกันเต็มรูปแบบ สร้างบันไดเลื่อนและสกายวอล์กเชื่อมอาคารเรียน รวมทั้งดูแลงบการจัดกิจกรรมของนักศึกษา เพิ่มการสอบ etesting และจัดสอบ etesting ในระบบอัตนัยด้วย และเน้นย้ำว่าเป็นนโยบายที่ทำได้ ทำทันที 100 %

เบอร์ 3 รศ.ดร.ปรัชญา มาจากคณะรัฐศาสตร์  มีกระแสข่าวสะพัดในรั้วรามว่า เป็นสายตรงของรังสรรค์ เเสงสุข อดีตอธิการบดี ออกแคมเปญเด่นๆใช้หาเสียงว่า จะนำรามคำแหงสู่มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม ,จัดระบบบริหารหลักสูตรนอกระบบ , สร้างเครือข่ายพันธมิตรนอกมหาวิทยาลัย ,จัดระบบสวัสดิการสินเชื่อด้านต่างๆให้บุคลากร ,คืนงบกิจกรรมให้อศมร. เจ็ดล้านบาทต่อปี ,สร้างลานกิจกรรมนักศึกษา ,อบรมบัณฑิตก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ,จัดทำตำราอี-บุ๊ค จัดระบบออนไลน์ใหม่

เมื่อทั้งสามได้แสดงวิสัยทัศน์และเดินสายหาเสียงกันเรียบร้อย ไม่มีใครยอมใคร แต่จากการเช็กกระแสนิยมในช่วงโค้ง 100 เมตรสุดท้ายนั้น พบว่าชาวรามสนใจหลักๆอยู่ 2เบอร์ เช่น เบอร์ 1 การยกระดับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้สมฐานะตลาดวิชาแห่งโลก 4.0 อย่างไรก็ตาม เบอร์ 1 ยังมีการบ้านอีกหลายข้อที่จะต้องปรับแก้ให้ทันเกมในช่วงท้ายๆ ทั้งการเป็นลูกเขยสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายข้อครหาต่างๆนาๆ คงต้องแก้เกมให้ทันเพื่อพิสูจน์ตัวเองเอาชนะใจ "ลูกพ่อขุน"

ขณะที่ เบอร์ 2 หาเสียงโดยอาศัยความเจนสนาม และอ้างว่าพร้อมเปลี่ยนรามแบบพลิกฝ่ามือด้วยการใช้เงินสะสมของ มร.ที่มีหลากหลายเพื่อยกระดับ ม.รามคำแหงให้ดีกว่าเดิม แต่มีเสียงวิจารณ์ว่านโยบายที่หาเสียงนั้นทำได้ยากนัก แต่ อ.สถาพร ยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ทำได้ทำทันที 100 % นี้ยังไม่นับรวมการบริหารจัดการวิทยบริการ การใช้ที่ดินว่างให้เกิดประโยชน์ เกิดการสร้างงาน การใช้อาคารร้างให้เกิดประโยชน์

ส่วนเบอร์ 3 นั้น ชูหลายแนวทางที่ใช้ยกระดับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นออกมาว่าน่าจะเหนื่อยหนัก...หากเบอร์ 3หวังยิ้มออกในตอนท้าย

จากการตอบรับทั้งสามสายซึ่งมีสายอาจารย์เจ้าหน้าที่และนักศึกษาได้ให้ความคิดเห็นเรื่องต่างๆในรามคำแหงว่าอยากเห็นสิ่งใหม่ๆจะเกิดขึ้นในรามคำแหง เนื่องจากที่ผ่านมาถูกหมักหมมมาร่วม10 กว่าปี ทั้งเรื่องผลประโยชน์ของผู้บริหารที่อายุเกิน 60 ปี เรื่องการสืบทอดอำนาจที่บ่งบอกถึงการไม่ชอบมาพากลของการบริหารมหาวิทยาลัยในอนาคต รวมถึงอาคารสถานที่ที่ก่อสร้างทิ้งร้างไว้นานจำนวนหลายอาคาร อีกทั้งล่าสุดการขึ้นสู่ตำแหน่งรักษาการของอดีตอธิการบดีที่นักศึกษาไปร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบหลังพบว่ารักษาการโดยมิชอบ และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งระบบ เช่น การเซ็นอนุมัติ หรือการจ่ายเงิน อาจเป็นโมฆะทั้งหมดได้ในที่สุด นี่คือเป็นสาเหตุที่ทำให้คะแนนเบอร์ 2 ของสถาพรทิ้งห่างอย่างเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในโค้งสุดท้าย

เหลือเวลาอีกสองวันก่อนเข้าสู่เวลาหย่อนบัตร ดังนั้นรอดูว่า..."ชาวราม"จะเลือกใคร ?

เพราะว่าการหาแต้มที่นี่เข้มข้นไม่น้อยหน้าสนามเลือกตั้งอื่นๆในเมืองไทย เพราะรามคำแหง คือต้นแบบของประชาธิปไตย

ใช้สิทธิ์อย่างเสรี เลือกคนดี มีวิสัยทัศน์ เข้ามาขจัดปัญหาในรามฯ

หน้าแรก » การศึกษา