วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 01:52 น.

บันเทิง

จับตา “วิน ภูริวัช” ขึ้นแท่นพระเอก “ไกรทอง”

วันอาทิตย์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 12.23 น.

จับตา  “วิน ภูริวัช” ขึ้นแท่นพระเอก “ไกรทอง”     

 

         

 

 “ไกรทอง” เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางของไทย ที่มีตัวเอกชื่อ ไกรทอง เล่าไว้หลายสำนวนด้วยกัน ภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละครสำหรับละครนอก และได้รับความนิยม ยกย่องเป็นฉบับมาตรฐานฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับคนและจระเข้

 

“ไกรทอง” ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปีพ.ศ. 2501 และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อีกหลายครั้ง ส่วนภาคละคร ถูกสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2538 ออกอากาศทางช่อง 7 สี และล่าสุดถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในปีพ.ศ. 2544 มาปีนี้ พ.ศ. 2561 ชายแฮ็คส์-สุทธา ทวีศรีธนโชค แห่งไอพีเอ็ม หยิบตำนานความรักระหว่างคนและจระเข้มาสร้างใหม่ โดยผู้จัดละครหน้าใหม่ไฟแรง ฮอน-ฐากร เจี่ยเพิ่มพูลและ แม่โรส นำละครพื้นบ้าน “ไกรทอง” มารีเมคอีกครั้งในแบบฉบับของไอพีเอ็ม และได้ฤกษ์ออกอากาศในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 เสนอเป็นตอนแรกในช่วงเวลา 19.00-19.50 น. ทางช่องไอพีเอ็ม47 แน่นอนว่าคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น ผู้ที่จะมารับบทเป็น “ไกรทอง” ซึ่งหนุ่มขอนแก่นผิวเข้ม หน้าตาสไตล์ไทยๆ อย่าง วิน-ภูริวัช สิงคลีบุตร เป็นผู้ที่ได้รับบทนี้ไปครอง และเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากจะรู้จักพระเอกใหม่ป้ายแดงคนนี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ หนุ่มวิน เมื่อครั้งเข้าฉากละครพื้นบ้าน “ไกรทอง” ที่จังหวัดนครปฐม เขาค่อนข้างตื่นเต้น เมื่อเราค่อยๆ ป้อนคำถาม แต่คำตอบที่เราได้รับนั้น ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เรามาทำความรู้จักกับพระเอก “ไกรทอง”  เวอร์ชั่นล่าสุดกันค่ะ

 

 

เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร? “บอกเลยว่าผมเป็นเด็กบ้านนอก เป็นเด็กต่างจังหวัดบ้านเกิดผมอยู่ขอนแก่น ผมอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองเลยได้ตัดสินใจมาเรียนที่ มหาวิทยาลัยลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์  เพราะผมคิดว่าการที่เรามาอยู่ในตัวเมืองเราก็จะยิ่งมีโอกาสมาก ตอนแรกผมก็รับงานปกติคับเป็น พริตตี้บอย  เป็น MC ผมเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ผมก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมเริ่มทำงานหาเงินเองตั้งแต่ม.6  ซื้อของเอง จ่ายค่าเทอมช่วยที่บ้านบ้าง แต่พอหลังๆ ผมเรียนหนักเลยไม่ได้ทำงานเลย พอช่วงต้นปี60 ผมได้มีโอกาสได้เจอพี่ชายแฮ็คส์ (สุทธา ทวีศรีธนโชค) พี่ชายแฮ็คส์ได้ชวนมาทำงาน ตอนแรกผมก็คิดอยู่จะมาดีไหม เพราะผมก็ไม่อยากทิ้งการเรียน แต่พอมาลองทำงานดูจริงๆ ผมก็ Happy กับมัน แล้วผมก็ต้องขยันขึ้นมากกว่าเดิม จัดสรรเวลาให้เป็น ต้องมีตารางงานจริงๆ จังๆ ผมก็ได้พี่ชายแฮ็คส์นี่แหละครับ คอยสอนงานคอยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้วิน แล้วทีมงาน ipmtv คอยช่วยงาน คอยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้ผมครับ”  ละคร ไกรทอง เป็นผลงานชิ้นแรก?”มันเกินฝันนะครับ อย่างที่บอกผมเป็นเด็กบ้านนอก แล้วอยู่ดีๆ ก็ได้มาเป็นพระเอกละครพื้นบ้านเรื่อง ไกรทอง ซึ่งเป็นละครและภาพยนตร์ที่โด่งดังมากๆ ในยุคก่อน แล้วผมก็รู้สึกว่า การที่เราได้มาสวมบท ไกรทอง ซึ่งเป็นเหมือนตัวละครในตำนาน ต้องกราบขอบพระคุณพี่ฮอน (ฐากร เจี่ยเพิ่มพูน) ผู้จัดละคร และพี่ชายแฮ็คส์ ที่ให้โอกาสเด็กบ้านนอกอย่างผมได้สวมบทตัวละครที่ยิ่งใหญ่มากๆ รู้สึกภูมิใจมากคับ เป็นผลงานชิ้นแรกที่ทำให้ครอบครัวผมภูมิใจในตัวผมครับ” เคยผ่านงานแสดงมาบ้างหรือเปล่า? “ไม่เลยครับ ไม่มีทักษะอะไรเลยครับ พี่ชายแฮ็คส์ส่งผมไปเรียนการแสดงกับครูหมู วลงกรณ์ ผู้กำกับละครเรื่องไกรทอง ครับ ผมได้เรียนกับครูหมู 3 วันก่อนที่จะถ่ายทำจริงๆ 3 วันนั้นผมได้ความรู้ทักษะมาไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เพราะเวลาน้อยครับ แต่ผมคิดว่าการที่เราลงมือทำจริงๆ ได้อยู่หน้ากล้องจริงๆ นั่นแหละครับคือการเรียนจริงๆ เพราะเราจะได้รู้ว่าผิดถูกตรงไหน โดนดุด้วย  ผมว่าละครเรื่องไกรทอง และครูหมู คือครูที่ผมเคารพมากๆ ครับ”

 

 

ยากมั้ยที่ต้องมาสวมบท ไกรทอง?” ยากนะครับ ด้วยความที่เป็นละครพื้นบ้าน ต้องใช้ภาษาพูดบ้านๆ ต้องแต่งตัวที่เราไม่เคยแต่ง แต่ก็สนุกครับ เพราะเราได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน บท ไกรทอง ทำให้ผมรู้ว่า ผมจะต้องเป็นคนอีกคน เป็นคนที่เคยมีคนเคยเล่นตัวนี้มาแล้ว แล้วดังมาก ถามว่ากดดันมั้ย กดดันครับ  กดดันมากๆ เพราะ รุ่นพี่ที่แสดงไว้แสดงดีมากๆ แล้วเราต้องใช้เวลาอยู่กับมัน อยู่กับตัวละครตัวนั้นให้ได้ ผมต้องศึกษาว่าไกรทองเป็นคนยังไง นิสัยใจคอเป็นยังไง ศึกษานิสัยบางอย่างก็ไม่เหมือนกับผม ผมก็ต้องทำความเข้าใจกับตัวละครตัวนั้น ต้องอยู่กับตัวละครตัวนั้นให้ได้ ใช้ชีวิตเหมือนเขาเป็นเพื่อนเรา  แต่ผมก็จะไม่คิดอะไรมาก บอกตัวเองว่าจะต้องตั้งใจและทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าเราทำออกมาไม่ดี ผลงานของเราก็จะบ่งบอกเองว่าเราทำงานเป็นอย่างไรครับ” ได้ร่วมงานกับนักแสดงอีกหลายๆ ท่าน มีใครแนะนำเรื่องการแสดงบ้างมั้ย?” ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสได้มาเล่นละครกับนักแสดงเก่งๆ ที่เคยผ่านงานมาหลายๆ เรื่อง ตัวผมเองเล่นเป็นเรื่องแรก พอมาเจอนักแสดงที่เล่นเก่งๆ ก็กังวลเหมือนกันว่าจะเป็นตัวถ่วงเค้าหรือเปล่า แต่พี่ๆ ทุกคนน่ารักมาก ให้โอกาสผม ให้เวลาผมได้เรียนรู้ ได้ศึกษา และแนะนำผมเรื่องการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการท่องจำบท ก็ตีความตัวละคร หรือมุมกล้อง อย่าง พี่เจนนี่ หรือ ยายหวังดีตีสิบ ที่เล่นเป็น แม่ผม พี่เค้าสุดยอดมากครับ ส่งอารมณ์ให้ผมดีมาก โดยเฉพาะฉากร้องไห้นี่ ทำให้ผมร้องตามเลยครับ หรือฉากคิวบู๊ก็ได้ พี่อาร์ท เดชาพัชร ช่วยสอนทักษะเรื่องการบู๊ต่างๆ ด้วย ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นความรู้ที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ ครับ” มีแอบท้อบ้างมั้ย? “เรื่องท้อไม่มีนะครับ แค่แอบกังวลเล็กๆ แต่ก็ได้พี่ชายแฮ็คส์ คอยให้กำลังใจทุกครั้งที่เวลาผมเครียดในช่วงที่ทำไม่ได้ เพราะบางซีนผมก็เล่นอยู่หลายเทค ผมพยายามจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่าในเมื่อเราได้รับโอกาสที่ดี เราก็ต้องตั้งใจ และมุ่งมุ่น ห้ามท้อ ห้ามเหนื่อยเด็ดขาดครับ”

 

คำว่า พระเอก ในความคิดของตัวเองเป็นอย่างไร? “ในความคิดของผม ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะครับที่เราจะได้ใช้คำว่าพระเอก จะมีสักกี่คนที่จะมีโอกาสได้ใช้คำนี้ แล้วยิ่งเป็นละครเรื่องแรกด้วย คำว่าพระเอก เป็นตัวแสดงนำที่ทำให้ละครสามารถเล่าตั้งแต่แรกจนจบได้ ถ้าไม่มีพระเอกละครก็จะไม่สามารถดำเนินเรื่องได้  คำว่าพระเอกของผมจะไม่ดีเฉพาะในจอทีวี แต่คำว่าพระเอกของผมนอกจอก็ต้องทำตัวเหลือปฏิบัติตัวเป็นคนดีในสังคมด้วยครับ ถึงจะเป็นพระเอกที่ใครๆก็รักใครก็เอ็นดูครับ” มีความคิดเห็นอย่างไรกับคำว่า เด็กปั้นชายแฮ็คส์? “ความคิดของผมนะคับ ใครได้เป็นเด็กชายแฮ็คส์คือเจ๋งสุดๆ แล้วครับ เพราะพี่ชายแฮ็คส์เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เด็กที่ไม่มีอะไรเลย แล้วพี่ชายทำให้มีจุดยืนในสังคม มีพื้นมี่เล็กให้เด็กคนนี้ได้ยืนในวงการบันเทิง พี่ชายแฮ็คส์เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีเพาเวอร์มากๆ ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี พี่ชายทำให้ผมมีหน้ามีตาในสังคม ผมมีละคร  3 เรื่อง (วัยซ่าทะลุมิติ กับ เทพบุตรผ้าขาวม้า เทพธิดดาผ้าซิ่น) ภายใน 1 ปี ได้เล่น MV ได้เป็นพิธีกรในงานใหญ่ๆ พี่ชายสามารถ ทำให้คนรู้จักภายใน 1 ปีในความรู้สึกผม ถือว่าเร็วมากๆนะครับ แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นกับตัวเราด้วยว่าเราฝึกฝนมากแค่ไหน มีความพร้อมหรือยัง  ถึงผมจะไม่ได้เล่นละครฟอร์มใหญ่ แต่ผมก็ภูมิใจมากๆ นะครับ ที่ได้ทำงานร่วมกับพี่ชายแฮ็คส์ และบ้านหลังเล็กๆ นี้ คือบ้าน ipm เป็นบ้านที่ให้ทุกอย่างทั้งความรู้ประสบการณ์  ให้ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นกับผมครับ” รู้สึกอย่างไรกับวงการบันเทิง? “รู้สึกชอบครับ เพราะตัวเองก็ได้เรียนด้านนี้มาแล้ว ยิ่งได้ทำงานในวงการผมยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลยครับ แต่ก็มีหลายคนบอกว่า วงการบันเทิงคือวงการมายา ใช่ครับ วงการบันเทิงคือ วงการมายา แต่เป็นมายาที่ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตอีกด้านหนึ่ง เราต้องปรับตัว ต้องอยู่ให้เป็น ต้องดูแลตัวเองในทุกๆ เรื่องครับ” วางแผนชีวิตกับวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?” ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 4 อีก 1 เทอม ผมก็จะจบแล้วครับ ช่วงนี้ผมจะโฟกัสเรื่องเรียนก่อน ถ้าจบแล้วผมวางแผนว่า เวลาว่างของผมจะไปเรียนคิวบู๊ เรียนการแสดงเพิ่ม แล้วก็อีก 1อาชีพที่ผมอยากจะเป็นก็คือผู้ประกาศข่าว และพิธีกร ผมคิดว่าอาชีพนี้สามารถอยู่กับตัวเราได้ตลอด  เรียนจบผมจะตั้งใจทำอาชีพในวงการบันเทิงให้เต็มที่ที่สุด” ฝากเนื้อฝากตัวแฟนๆ ละครกันหน่อย?”ผมก็ขอฝากละครเรื่องแรกของผมด้วยนะครับ ละครพื้นบ้าน ไกรทอง เป็นละครที่สนุกสนานนะครับ ครบรสทุกรสชาติ แล้วผมก็ตั้งใจทำงานละครเรื่องนี้แบบสุดๆ ขอโอกาสให้พระเอกคนใหม่คนนี้ด้วยนะครับ”

                

 

หน้าแรก » บันเทิง