วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 21:48 น.

บันเทิง

"นุ้ย เชิญยิ้ม" เผยสำนึกผิดทำครอบครัวร้าวเพราะอารมณ์ร้อน

วันอาทิตย์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2563, 12.26 น.

เป็นพ่อบ้านที่ขึ้นชื่อว่ารักครอบครัวเป็นที่สุดอีกคน สำหรับนักแสดงอารมณ์ดี "นุ้ย เชิญยิ้ม" ที่ได้มาโชว์ลูกคอร้องเพลงใหม่ล่าสุด รอน้องกลับมา ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมทั้งนั่งพูดคุยกอัพเดทถึงผลงานเพลงและค่ายที่เป็นความฝันของตัวเอง  และเผยถึงความรู้สึกผิดที่ได้ก่อจนทำให้เสาบ้านร้าว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพราะในความอารมณ์ร้อนของตัวเอง

เพลงที่นำมาร้องเมื่อกี้ คือ เพลง รอน้องกลับนา? "ตอนแรกคือมีแค่เนื้อเพลงมาก่อนยังไม่ได้มีชื่อมาเลย ได้ชื่อเพลง รอน้องกลับมา คือได้มาทีหลังจากที่เราทำเนื้อเพลงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนื้อหาของเพลงก็ประมาณว่ารอน้องในหนองในบึงรอเธออยู่นะ มีกลิ่นอายลูกทุ่งอยู่ครับ"  เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมากๆจริงๆ? "เราก็บอกเขาว่าถ้าคุณไม่ให้เราร้องที่บ้าน หรือจะให้เราไปเปิดคาราโอเกะร้องที่อื่นล่ะ เขาก็บอกว่าร้องที่บ้านเถอะ เราก็ร้องตั้งแต่เช้า คือ เราร้องแล้วเราก็ไลฟ์สดด้วย เราครั้งหนึ่งก็ 2-3 ชั่วโมง แล้วคนดูต้องไม่เกิน 20 คน เพราะเราคอยไลฟ์แล้วทีนี้ ไอ้แจ๊ส แกล้งเราไงแชร์ที่เราไลฟ์ไปแล้วคือ แฟนมันมีแต่เกรียนๆก็เข้ามาคอมเมนท์แซวเราเต็มไปหมด ไม่ได้มีขอเพลงมาเลย หลังๆมาเรากำหนดไว้เลยไม่เกิน 20 คน ถ้าเกิน 30 ผมปิดไลฟ์เลย คือ เราอยากให้คนที่เขาอยากฟังเพลงจริงๆเข้ามาฟังในไลฟ์ แต่ถ้าถามโน้นนี่ไม่ต้องเลย ใครถามเพลงอะไรมาเราก็สามารถตอบได้หมด สายยันต์ ดังปีไหนเราก็ตอบได้ ต้องลูกทุ่งเท่านั้น หรือบางวันอาจจะเป็นเพื่อชีวิตบางเพราะแนวไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่"

นุ้ยอยากเป็นนักร้องเหรอ ? "คือผมอยู่วงดนตรีมาตั้งแต่อายุ 13 เป็นเด็กเก็บของตั้งของ พอรถขนของมาถึงผมก็เตรียมขนของเอามาตั้งบนเวที แล้วก็เก็บของขึ้นรถ ก็ชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้น แต่เราได้เล่นตลก แต่ก็ได้ร้องเพลงก่อนนะครับก่อนที่จะเล่นที่วงเขาเห็นเราร้องเพลงได้ร้องเพลงดี แล้วเขาก็เล่นตลกด้วย" เพราะรักการเพลงมากเลยเปิดค่ายเพลงเลย ? "ใช่ครับ ชื่อว่าลีลาเรคคอร์ด รายได้ไม่มี แต่รายจ่ายถล่มถลายเลย ศิลปินท่านแรกก็ทำรายจ่ายถล่มเลยครับ แล้วปิดไม่ได้ด้วยเพราะผมทำสัญญา 200 กว่าปี ผมเคยออกอัลบั้มแล้วครับ อัลบั้มแรกที่ทำคือ อย่าบอกใครนะ คือจะบอกว่าอัลบั้มนั้นทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลย ทำมา 12  ปีแล้ว ในอัลบั้ม 12 ปี แล้วเงียบทุกเพลง (หัวเราะ)"

นอกเหนือจากเปิดค่ายเพลงแล้ว ยังทำหนังอีกต่างหาก เป็นยังไงบ้างในการลงทุน ? "หนังใหญ่มีทุนการทำหนังอยู่ 4 ล้านครับ ตอนนั้นคือเราขอให้เพื่อน พี่ น้อง ในวงการตลกทั่วฟ้าเมืองไทยมาช่วยกัน รวมถึงภรรยาของผมด้วย ตอนนั้นให้เขามาเล่นรับบทเป็นยายครับ คือ ตอนแรกว่าจะให้เขาเข้าสัก ฉากสองฉาก แต่เล่นยาวเลยมีบู๊ด้วยแต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรเราให้คนมาแสดงแทนตรงนั้น แต่เพราะเขาต้องรับบทเป็นยายต้องแต่งหน้าเยอะ แล้วคือ ตั๊ก เขาเป็นคนที่ห่วงหน้ามากเลย ต้องทำเอฟเฟคที่หน้าเผื่อให้ดูแก่แล้วต้องทากาวทั้งหน้า แล้วคือ หน้าเข้าผื่นขึ้นเต็มหน้าเขานั่งร้องไห้เลย เราก็สงสารเขาเลยตอนนั้น แต่เพราะเล่นไปแล้วก็เล่นให้จบแล้วกัน ไม่ได้ค่าตัวด้วยนะครับ (หัวเราะ) เราก็รักษาหน้าให้เขา แต่เงินที่ลงทุนทำหนังไปมันก็เข้าเนื้อเลยไปอีกเกือบล้านเราก็มีของเอาไปขาย ไปกู้เขามาอีก ภรรยารู้ก็ผ่านมา 2  ปีแล้วครับ คือที่กู้มาเอาไปให้ ตั๊ก เขาไงเขาจะได้ภูมิใจว่าเราทำหนังเราประสบความสำเร็จนะ แต่สุดท้ายคือ เราหมุนเงินไม่ทัน เราก็เลยต้องบอกเขาตรงๆว่าแม่พ่อไปกู้เงินมานะ ทองอะไรพ่อขายไปหมดเลยนะ เขาก็ถามว่าขายไปทำไม เราก็บอกว่าเอาไปทำหนัง เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพราะโกรธมาก แต่เขาก็โกรธไม่นานก็หายเราก็อธิบายให้เขาฟังว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง เขาก็เข้าใจ เราคงไม่ทำหนังอีกแล้วในชีวิตนี้ หนังที่ทำตอนนั้นชื่อเรื่องว่า ยายสั่งมาใหญ่"

นุ้ยกับตั๊ก คือ รักกันมาก ไปทำงานกลับบ้านมาเหนื่อยขนาดไหนก็ต้องเข้าครัวทำกับข้างให้สามีทาน ? "ไม่ต้องก็ได้นะ ขนาดไข่น้ำที่ว่าทำง่ายๆแล้วยังไม่ได้เลย คือ เราก็บอกเขาไปตามตรงเลย เพราะวันนั้นที่เขาทำให้เราทานแล้วเขาถามว่าอร่อยไหม เราก็บอกว่าเอาความจริงเลยนะ ไม่อร่อย (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าดีแล้วที่พูดแบบนี้ เพราะถ้าเราบอกว่า แม่อร่อยสุดยอดเดี๋ยวเขาทำตายเลยทีนี้" ถึงจะรักกันมากขนาดไหนแต่ก็มีทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลย เรื่องมันเกิดจากอะไร? "คือเรื่องมันเกิดจากการสั่งกาแฟ คือเราสั่งให้แม่บ้านที่บ้านเขาชงกาแฟไปแล้ว ทีนี้ ตั๊ก เขาก็เดินมาสั่งอีกเราก็บอก ตั๊ก ว่าพ่อสั่งให้เรียบร้อยแล้ว มันไม่มีสาระที่จะมาทะเลาะอะไรกันเลย แต่วันนั้นเราต้องขับรถไปทำงานด้วยกันเราเลยขับเร็ว 130 เลยแล้วเหยียบเบรกเขาก็หงายหน้าหงายหลังเราตั้งใจขับแบบนั้นเลย พอเข้าปั๊มจะไปเติมน้ำมันเขาเปิดประตูจะหนีออกผมล็อคคอเขาเลยไม่ให้ไปความวุ่นวายทั้งหมดเกิดในปั๊ม เขาก็ร้องว่าช่วยด้วยๆชายกระโปรงขึ้นมาอยู่ที่คอเด็กปั๊มก็มองเอาไงดีๆ เขาก็ถามว่าพ่อมาทำกับแม่แบบนี้ทำไม เราก็บอกเขาว่าพ่อสั่งกาแฟแล้วแม่มาสั่งซ้ำไม่ให้เกียรติกันเลยแล้วแค่นี้นะ เราก็ปรับความเข้าใจกันในปั๊มสัก 15 นาทีเราเปิดอกคุยกัน"

"คนเรามันก็มีเรื่องบ้างปากเสียงต้องมีทะเลาะกัน แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเราเข้าใจครับวันนั้น ว่าเราผิด ต้องบอกว่าผมตอนนั้นเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นคนที่อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย มันคือ นิสัยเลย สะสมความที่เราเอาแต่ใจตัวเองมานจนถึงเมื่อปี  62 เอานิสัยไม่ดีของตัวเองตรงนี้ไปทะเลาะกับเขาอีกที่ เพชรบูรณ์อีก 1 กิโลถึงวัดผาซ่อนแก้วแล้วแต่รถติดมากเพราะเป็นเทศกาล แต่รถติดมากเราก็หงุดหงิดมากเราตะโกนเลย กลับ !!! ในรถมีเพื่อนแม่ แม่ ทั้งรถคือเงียบทั้งคันก็กลับกันเลยมาที่ พิษณุโลก พอถึงที่บ้านแม่คือ ด่าเราไม่ต้องกลับมาที่บ้านอีกเลย แต่ตั้งแต่วันนั้นมาทำให้เราสำนึกรู้สึกตัวเองเลย ทุกสิ่งทุกอย่างพังเพราะอารมณ์เราหมดเลย พอเราสำนึกได้เรากลับไปขอโทษแม่ยายเข้าไปขมาแต่เขาไม่ยอมคุยกับเราเลย แต่ตอนวันเกิดเราเขาก็ไลน์มาบอกว่า ขอให้ลูกมีความสุขมากๆนะในวันเกิดปีนี้ ขอให้ครอบครัวมีความสุข และลูกมีหน้าที่การงานดีๆยิ่งๆขึ้นไป แม่ขออวยพรให้ลูกนะ และอย่ากวนส้น_นแม่อีก แต่ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่เราทำวันนั้นคือ ยังไม่ได้เจอหน้า แม่ยายเลยเพราะเราไม่ได้กลับที่ พิษณุโลก ด้วยครับ แต่ถ้าได้กลับไปเราก็ตั้งใจที่จะไปขมาอีกครั้งแบบจริงจัง แต่ตอนนี้แม่ก็ยังโทรมาอยู่เพราะแม่เขาจะจัดกฐินในเดือน ตุลาคมนี้"

ก่อนที่จะกลับไปพิษณุโลกอยากจะบอกอะไรแม่ยายไหม ในสิ่งที่เราทำผิดพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ? "ขอบคุณแม่มากๆ ขอบคุณแม่อ้อย ที่ให้ความรัก เมตตา นุ้ย เหมือนลูกแท้ๆของแม่เลยตั้งแต่คบกับตั๊ก ตั้งแต่แต่งงานกัน จนปัจจุบันนี้ แม่ก็ยังเมตตาผมอยู่สิ่งไหนที่ผมทำไม่ดี สิ่งไหนที่ผมมทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้แม่ไม่สบายใจ ผมขอโทษแม่ตรงนี้ด้วยนะครับ เดี๋ยวถ้าผมขึ้นไปที่พิษณุโลก เมื่อไหร่ผมจะไปกราบขอโทษแม่อีกครั้งนะครับ รักแม่นะครับ"

 

หน้าแรก » บันเทิง