เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2564  เว็บไซต์คณะกรรมการสำนักงานการลงทุนและบริษัทแจ้งว่า คณะกรรมาธิการการลงทุนเมียนมาอนุมัติการลงทุนใน 15 โครงการเมื่อวันศุกร์ เช่น โครงการโรงฟ้าพลังแอลเอ็นจีมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 77,660 ล้านบาท) เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศ โครงการด้านปศุสัตว์ การผลิต และการบริการ แต่ไม่แจกแจงรายละเอียดบริษัทหรือประเทศที่รับดำเนินโครงการ หลายปีมานี้ผู้ลงทุนรายใหญ่ในเมียนมามักมาจากจีน สิงคโปร์ และไทย

ปัจจุบันไฟฟ้าส่วนใหญ่ในเมียนมาผลิตจากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ทางการเริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตจากแอลเอ็นจีมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจขยายตัวในช่วงที่มีการปฏิรูปประชาธิปไตยราว 1 ทศวรรษก่อนเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่การประท้วงและผละงานต่อต้านรัฐประหารทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ฟิตช์โซลูชันคาดว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวถึง 20%ในปีนี้
          
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์MRTVของรัฐบาลทหารเมียนมา ประกาศว่าเวลานี้ กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายของประเทศจะครอบคลุมทั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ คณะกรรมการของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ถูกขับไล่ที่เรียกว่าCRPHและกองกำลังป้องกันตนเองของประชาชน โดยอ้างว่ากองกำลังกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีและเหตุความรุนแรงในเมียนมา ทั้งระเบิด ยิง เข่นฆ่าและคุกคาม เพื่อทำลายกลไกลบริหารของรัฐบาล ทั้งนี้ กฎหมายก่อการร้ายไม่ได้แบนแค่เฉพาะสมาชิกของกลุ่มเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบุคคลใดก็ตามที่ติดต่อกับพวกเขา หลังจากก่อนหน้านี้คณะรัฐประหารเคยกล่าวหาฝ่ายต่อต้านว่าเป็นกบฏ
          
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทหารเมียนมาเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG ซึ่งปฏิบัติการอย่างลับๆ และพวกเขาเองก็จำกัดความกองทัพในฐานะกองกำลังก่อการร้ายเช่นกัน เผยว่า พวกเขาจะจัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองของประชาชน
          
ทั้งนี้ มีรายงานเหตุระเบิดเกิดขึ้นแทบทุกวัน และกำลังติดอาวุธท้องถิ่นถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับทหาร ขณะเดียวกันการชุมนุมต่อต้านคณะรัฐประหารทั่วประเทศไม่มีทีท่าจะหยุดลง ล่าสุดกองกำลังกะเหรี่ยง BGF เคลื่อน​ย้ายกำลังพล ข้ามลำน้ำมุ้งหน้าไปกองพลทหารราบที่ 5 ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกะเหรี่ยง KNU ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะสู้รบกันหรือว่า กะเหรี่ยง BGF จะเข้าร่วมกับ กะเหรี่ยง KNU เพราะเดิมนั้นกะเหรี่ยง BGF ให้การสนับสนุนเผด็จการทหารเมียนมา 

ล่าสุดมีรายงานว่า  กะเหรี่ยง BGF จับมือกับกะเหรี่ยง KNU สร้างความยินดีกับชาวกะเหรี่ยงทั่วไป