วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 20:52 น.

ไอที

พฤติกรรมการเสพสื่อเน้นสะดวกดูได้ทุกเวลา เทรน “ทีวีออนไลน์” แรงLINE TV ตอบโจทย์

วันศุกร์ ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2562, 13.29 น.

พฤติกรรมการเสพสื่อเน้นสะดวกดูได้ทุกเวลา

เทรน “ทีวีออนไลน์” แรงLINE TV ตอบโจทย์

 
 
เทคโนโลยีที่เข้าถึงตัวเราอย่างรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากอดีตที่ดูคอนเทนต์ผ่านหน้าจอทีวีแบบดั้งเดิม ก็มีการดูคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้บริโภคมีความปัจเจกมากขึ้น นั่นหมายความว่า ผู้บริโภคเลือกที่จะรับคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของตน มากกว่าที่จะรับคอนเทนต์สำหรับแมสทั่วๆ ไป รวมทั้งเลือกรับชมในเวลาที่สะดวกตามความต้องการของตัวเองอีกด้วย
 
“วันนี้โลกเปลี่ยนไป ต้องยอมรับว่าดิจิทัลมีความสำคัญขึ้นเร็วมาก ทำให้เส้นแบ่งระหว่างทีวีดั้งเดิมกับดิจิทัลตอนนี้เบลอมาก ในช่วงหลังมีแพลตฟอร์มต่างๆ เข้าถึงผู้ชมได้เยอะมาก ทั้งดูสด ดูย้อนหลัง และดูออนไลน์ ส่งผลให้คนรับชมผ่านจอทีวีลดลง แต่แพลตฟอร์มวิดีโอ หรือทีวีออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะชีวิตคนปัจจุบันอยู่กับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น มือถือ หรือคอมพิวเตอร์” รัญชิตา ศรีวรวิไล ผู้อำนวยการ นีลเส็นมีเดีย ประเทศไทย ให้ความเห็น
 
ข้อมูลการสำรวจเรทติ้งการรับชมสื่อทุกแพลตฟอร์มในสหรัฐอเมริกาของนีลเส็น สะท้อนชัดเจนว่าช่วง 10 ปี ดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น คนใช้เวลาในการเสพสื่อมากขึ้น จากที่ในปี 2012 คนใช้เวลากับสื่อ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสังเกตได้ว่ากลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี จะเสพสื่อผ่านหลายช่องทาง โดยช่องทางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ สมาร์ทโฟน ขณะที่การสำรวจพฤติกรรมการเสพสื่อในเอเชียแปซิฟิค พบว่า คนชอบดูย้อนหลัง เพราะสะดวก สามารถดูได้ต่อเนื่อง โดยสิ่งที่คนดูต้องการคือ อยากให้มีคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงการดูบนหน้าจอใหญ่ที่ทำให้ได้รับอรรถรสมากยิ่งขึ้น
 
ส่วนในประเทศไทย จากการสำรวจการเข้าถึงสื่อของคนไทยทั่วประเทศ โดยแบ่งช่วงอายุออกเป็น 2 กลุ่ม คือ อายุ 35 ปีขึ้น และอายุ 12-35 ปี พบว่ากลุ่มคนอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปยังรับชมผ่านจอทีวีอยู่มาก แต่ยอดการใช้อินเทอร์เน็ตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การรับชมผ่านจอทีวีมีแนวโน้มลดลงแต่ยังไม่มากนัก ขณะที่กลุ่มคนอายุ 12-35 ปี  แม้จะเสพสื่อผ่านจอทีวีและอินเทอร์เน็ตใกล้เคียงกัน แต่มีการใช้อินเทอร์เน็ตทุกวันใน 5 กิจกรรมหลัก คือ การเล่นโซเชียล, ใช้แชท, อ่านหนังสือพิมพ์, ดูทีวีย้อนหลัง และดูข่าวต่างประเทศ จึงมีแนวโน้มการเสพสื่อผ่านจอทีวีลดลงมากกว่า เมื่อลงลึกถึงพฤติกรรมของคนดูทีวีออนไลน์ พบว่า 98% จะดูรายการย้อนหลัง และ 2% ดูไลฟ์สตรีมมิ่ง ซึ่งจะต้องเป็นรายการที่จำเป็นต้องดูสดจริงๆ เช่น การแข่งขันกีฬา รายการแข่งขันต่างๆ ในรอบชิงชนะเลิศ สิ่งที่น่าสนใจคือ มีการใช้เวลาในการดูย้อนหลังถึง 58 นาที และมีการเข้าใช้งานดูย้อนหลังถึง 20 วันต่อเดือน โดยมีการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ 94%, คอมพิวเตอร์ 3% และ แท็ปเล็ต 3%
 
เมื่อพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป การวัดเรทติ้งจึงต้องเปลี่ยนตามไม่ได้วัดเฉพาะแค่สื่อทีวีอย่างเดียว แต่จะต้องวัดจากหลายแพลตฟอร์มด้วยกัน ซึ่งนีลเส็นเริ่มวัดเรตติ้งดิจิทัลคอนเทนต์ของ LINE TV ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2018 พบว่ามีอัตราการเติบโตรวดเร็วมาก นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้ชมที่ไม่นับซ้ำ เพิ่มขึ้นถึง 1.7 เท่า, จำนวนยอดวิวเพิ่มขึ้น 30% และสามารถเข้าถึงคนไทยได้เพิ่มมากขึ้นถึง 5% จากจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ และจากการสำรวจพฤติกรรมของคนไทยที่ดูทีวีกับดู LINE TV ในอายุ 18-34 ปี พบว่ามีสัดส่วนคนดูทีวีอยู่ที่ 57%  ส่วนคนดู LINE TV อยู่ที่ 47%
 
แต่ตัวเลขที่น่าสนใจคือยังมีกลุ่มผู้ชมที่เลือกดู LINE TV อย่างเดียวสูงถึง 17% แสดงให้เห็นว่า หากแบรนด์ทำการสื่อสาร หรือซื้อโฆษณาในทั้งทีวีปกติ และ LINE TV จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย
 
ในอดีตแบรนด์สินค้า นักการตลาด และเอเจนซี่ มักทุ่มซื้อโฆษณาไปในสื่อทีวีมากที่สุด แต่เมื่อโลกเปลี่ยน แม้แต่ช่องทีวียังผันตัวเองมาสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น จนไม่มีเส้นแบ่งระหว่างสองโลก เหลือเพียง “โลกของคนดู” ดังนั้น การวางคอนเทนต์ให้เข้าถึงคนดูให้มากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ ในยุคดิจิทัลใครๆ ก็ซื้อโฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้า โอท็อป หรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็ก สามารถเป็น Advertiser ซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น LINE TV เพื่อให้การทำตลาดและการขายเข้าถึงคนทั่วประเทศ หรือแม้แต่ทั่วโลกก็ได้ เพียงสิ่งสำคัญนักการตลาดต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีความหมายตอบโจทย์ มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค เนื่องจากทุกวันนี้มีคอนเทนต์มากมายหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ทำให้มีทางเลือกในการเสพคอนเทนต์ ดังนั้น ผู้บริโภคจะเปิดรับคอนเทนต์ที่สนใจและชอบเป็นหลัก
 
“สิ่งที่เราเห็นตอนนี้ เส้นระหว่างสองโลกนี้เบลอมาก เส้นแบ่งแทบจะไม่มีแล้วกลายเป็นโลกของคนดู ช่องทีวีผันไปสู่ช่องทางดิจิทัล อย่าง LINE TV ก็มีคอนเทนต์เหมือนกับทีวี คนไม่ได้เสพสื่อน้อยลง แต่แพลตฟอร์มวิดีโอมีบทบาทมากขึ้นและช่วยเพิ่มการเอาเวลาจากเราไปมากขึ้น บ่งบอกว่าการมีช่องทางที่เข้าถึงคอนเทนต์ได้มากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วมาเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมได้หลายรูปแบบมากขึ้น ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนั้น แพลตฟอร์มออนไลน์จึงเข้ามาเพิ่มโอกาส เพราะชีวิตคนอยู่กับหน้าจอค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็น มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ตรงนี้เป็นโอกาสที่เราจะเข้าถึงกลุ่มคนมากกว่าสมัยก่อนที่อยู่เฉพาะหน้าจอทีวี”
 
 
ด้าน กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนท์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่เปิดให้บริการแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์ LINE TV ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้ชมดีมากและได้สร้างพฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์ไทยแบบใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ชม จำนวนคอนเทนต์ และจำนวนพาร์ทเนอร์ รวมถึงจำนวนยอดวิวโดยเฉลี่ยต่อคอนเทนต์ ที่ล้วนขยายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี  จนล่าสุดมีคอนเทนต์รวมบน LINE TV มากกว่า 1,000 คอนเทนต์ โดยยอดวิวที่เติบโตขึ้นมาจากคอนเทนต์หลักอย่างละคร และซีรีย์ต่างๆ ทั้งแบบย้อนหลังจากช่องทีวี หรือแบบออริจินัลที่เรียกว่า LINE TV Originals”
 
ซึ่งในวันนี้ทาง LINE TV ได้โฟกัสที่กลุ่มคนดูที่มีไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง  แต่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพหรือเมืองหลักเท่านั้น แต่เป็นการโฟกัสที่ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์  ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องการจัดการตารางชีวิตของตัวเองได้ อยากดูคอนเทนต์เมื่อไรก็ดูได้ทันที เลือกดูตามความต้องการและความสะดวกของตนเอง เรียกว่าทุกคนสามารถสร้างไพร์มไทม์ในการรับชมคอนเทนต์ของตนเองได้ เป็นการ Personalize ตามความต้องการของผู้ชมแต่ละคนให้มีอิสระในการรับชมตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง และที่สำคัญคือ ดูฟรี”
 
 
 
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือ พฤติกรรมผู้ชมของ LINE TV ช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุดก็คือ 15.00 – 18.00 น. ทั้งวันธรรมดาและสุดสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงการเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าการรับชมรายการทีวีของ LINE TV เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว ถือว่าเป็นช่วงที่คนดูทีวีปกติค่อนข้างน้อย ไม่ได้มีคอนเทนต์ปังๆ บนช่องทีวีมากนัก เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ยังคงเดินทางอยู่นอกบ้าน LINE TV จึงสามารถเข้ามาช่วยทลาย Pain Point ในการรับชมของผู้ชมระหว่างเดินทาง หรือช่วงที่เริ่มมีเวลาว่างหลังเลิกเรียนหรือเลิกงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งคือสิ่งที่ LINE TV ต้องการจะบอกผู้ชมว่าทุกคนสามารถสร้างไพร์มไทม์ของตัวเองได้ และบอกกับผู้ผลิตคอนเทนต์และอุตสาหกรรมโฆษณาว่า คนดูไม่ได้เลิกดูรายการทีวี เพียงแต่เราต้องเข้าใจกับพฤติกรรมที่ใหม่ที่เป็น New normal ของผู้ชม ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ LINE TV”
 
 
และปัจจัยที่จะช่วยให้ LINE TV ขยายฐานผู้ชมได้เร็วขึ้นนั้น คือการพัฒนารอบด้าน ทั้งแง่ของ 1. ความหลากหลายของคอนเทนต์ ควบคู่ไปกับ 2. การพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ชมมากขึ้น ทั้งรองรับการสตรีมมิ่งขึ้นทีวีผ่าน Chromecast และเปิดให้ดาวน์โหลดแอพฯ LINE TV  ทั้ง Apple TV และ ใน Android TV และ 3. การพัฒนาระบบการค้นหาคอนเทนต์ให้ง่ายและรวดเร็ว โดยมีการเพิ่ม Tab ใหม่อีก 2 Tab คือ 100 ล้านวิว Tab และ Movie Tab
 
“LINE TV ยังคงมุ่งสู่การเป็น แพลตฟอร์มทีวีออนไลน์สำหรับคนไทย โดยเป็นฮับของคอนเทนต์ที่หลากหลาย ครบทุกความต้องการของทุกกลุ่มคนดู พร้อมขยายฐานกลุ่มคนเมืองสู่กลุ่มแมส และจะไม่หยุดพัฒนาคอนเทนต์และฟีเจอร์ต่างๆ มั่นใจว่าจะขึ้นแท่นเป็นผู้นำทีวีออนไลน์สำหรับคนไทยอย่างแท้จริง” กณพกล่าวทิ้งท้าย
 

หน้าแรก » ไอที

ข่าวในหมวดไอที