วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 14:26 น.

การเมือง

สภาฯงูเห่า! "สนธิรัตน์"รับแล้ว "วิปรบ." เหนื่อยคุมเสียง

วันพฤหัสบดี ที่ 05 ธันวาคม พ.ศ. 2562, 11.15 น.

"สนธิรัตน์" รับแล้ว "วิปรบ."เหนื่อยคุมเสียง ไม่อยากให้มองมีงูเห่าในสภาฯ เชื่อ ส.ส.ทุกคนมีความคิด-มองการเมืองออก ไม่มีใครอยากทำลายอนาคตตัวเอง  ขณะที่  "โบว์" กลับมอง "ส.ส.งูเห่า" ไม่ได้ทรยศแค่พรรคแต่ทรยศประชาชนด้วย ด้าน "ไพศาล"จี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ปล่อย "ไวพจน์" เพ่นพ่านในสภาฯ

วันที่ 5 ธันวาคม 2562  ที่บริเวณท้องสนามหลวง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาโดยสามารถครบองค์ประชุมโหวตล้มญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่า  ขณะนี้สภาฯ อยู่ในภาวะเสียงไม่ต่างกันมากนักระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น วิปรัฐบาลต้องเหนื่อยในการควบคุมเสียง และที่ผ่านมา วิปรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียงแตก ส่วนจะต้องเพิ่มความเข้มข้นหรือไม่นั้น ตนมองว่าวิปฯ ทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งหลายคนติดภารกิจพร้อมกัน และคิดว่าจะทันเข้าประชุมแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปรับโดยการประสานงานกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าคนเป็นประธานวิปรัฐบาล มีความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะต้องทำหลายอย่าง ส่วนจำเป็นที่แต่ละพรรคจะต้องมีมาตรการการคุมเสียงหรือไม่นั้น พรรคร่วมรัฐบาลที่ทราบอยู่แล้วว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร และทุกคนก็จะต้องมีหน้าที่ช่วยกันทำงาน และกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า มีแกนนำรัฐบาลล็อบบี้เสียงส.ส.ฝ่ายค้าน ด้วยเงินจำนวน 8 หลักนั้น ตนไม่อยากให้มองถึงเรื่องงูเห่า เพราะส.ส.แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และได้คำนึงถึงสถานการณ์และทิศทางทางการเมือง คงไม่มีใครอยากทำลายอนาคตทางการเมืองของตนเอง เราต้องเคารพ ส.ส.แต่ละท่าน ที่มีวิธีคิดวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง

"สุทิน"ไม่แปลกใจ"พลภูมิ"แสดงตัวเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาล 

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียง ส.ส.ของฝ่ายค้าน ไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบ ม.44 ว่า การหาเสียงแสดงองค์ประชุมของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการลงทุนลงแรงทุกวิธีการ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงมากถือว่าไม่ผิดคาด เพราะเราเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลทำทุกวิถีทางก็คงต้องออกมาเป็นเช่นนี้ ในส่วนของวิปฝ่ายค้าน หลังจากนี้คงมีการประชุมเปิดอกคุยกันว่าใครจะยังคงจุดยืนและทำงานร่วมกันต่อหรือใครจะประสงค์ทำงานการเมืองในแนวทางอื่น ซึ่งเราไม่มีการบังคับกันเพราะการมาทำงานร่วมกันของฝ่ายค้าน เป็นเพราะกระแสสังคมส่งมาถ้าใครจะวิเคราะห์ว่า กระแสสังคมเปลี่ยนไปจะเลือกการเดินการเมืองแนวทางอื่นเป็นสิทธิ หลังจากนี้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เราเหลือเท่าไหร่ก็ทำงานได้เพราะถึงอย่างไร จำนวนเสียงก็สู้ไม่ได้อยู่แล้วแต่คุณภาพและจุดยืนที่แน่วแน่เท่านั้น ที่จะเป็นอาวุธของฝ่ายค้าน ในส่วนของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม 3 คนนั้น นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. เราไม่แปลกใจเพราะเข้าใจและทราบมาก่อนว่า เขามีบุญคุณต่อกันเรื่องคดีก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลืออีก 2 คนถือว่า ผิดคาดเราจึงยังต้องรอฟังเหตุผลของเขาก่อน
          
ขณะที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายพลภูมิ แสดงตัวเป็นองค์ประชุมให้กับรัฐบาลในการพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ว่า ตนรู้จักนายพลภูมิ และครอบครัวมานาน ตั้งแต่นายพลภูมิ เริ่มเข้าการเมือง มาเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของตน และไปเป็น ส.ก. จนเป็น ส.ส. เขาเป็นคนมีฐานะ มีเหตุผล ไม่เคยสนใจเรื่องผลประโยชน์เงินทอง ดังนั้นการจะบอกว่า ที่ช่วยรัฐบาลเพราะผลประโยชน์ทางเงินตัดทิ้งไปได้เลย สาเหตุคงมาจากเรื่องอื่น

 
"โบว์"มองส.ส.งูเห่าไม่ได้ทรยศแค่พรรค แต่ทรยศประชาชนด้วย

น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ Bow Nattaa Mahattana ระบุว่า “จากกรณีล้มญัตติตั้งกมธ.ม.44 จนสำเร็จ งูเห่า ไม่ได้ทรยศแค่พรรค แต่ทรยศประชาชนด้วย นักการเมืองที่ไม่รู้สึกรู้สากับการละเมิดประชาชน คือคนที่ไม่ได้เห็นประชาชนเป็นนาย เขาไม่อาจเป็น “ผู้แทนราษฏร” ควรหาคำใหม่ไว้เรียกอาชีพตัวเอง #ประชุมสภา”

ด้านพล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า "พูดถึงงูเห่า คราวก่อนบรรยายความจำเป็นเสียเลิศหรู อลังการ คราวนี้ จิตใต้สำนึกล้วนๆ ครับ ป.ล. ผมด่าใครไม่เป็นครับ ใครช่วยสงเคราะห์หน่อย" 

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าโพสต์ดังกล่าวของ พล.ท.พงศกร มีขึ้นภายหลังเกิดปรากฏการณ์ "งูเห่า" ในสภาฯ จากกรณีมี ส.ส.ฝ่ายค้าน ร่วมเสียบบัตรเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาลทั้งๆที่ฝ่ายค้านวอล์คเอ้าท์ ในการลงมติตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา

"ไพศาล"จี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ปล่อย"ไวพจน์"เพ่นพ่านในสภาฯ

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า...
          หมายจับคือคำสั่งของศาลให้เจ้าพนักงานของรัฐจับกุมบุคคลตามหมายจับนั้น
          การให้ที่หลบซ่อนก็ดี
          การช่วยเหลือไม่ให้ถูกจับก็ดี
          การไม่จับก็ดี
          เป็นความผิดทางกฎหมายร้ายแรงและมีโทษทางอาญาสถานหนัก
          การปล่อยให้ผู้ถูกหมายจับของศาลฎีกาเข้าร่วมประชุมสภาและลงคะแนนเสียงเป็นการกระทำความผิดกฎหมายอย่างเย้ยฟ้าท้าดินที่สุด
          เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เป็นการท้าทายอำนาจตุลาการอย่างโจ่งแจ้งที่สุด
          และเป็นเรื่องที่น่าสลดใจที่สุดของประเทศที่พูดว่าปกครองด้วยกฎหมาย
          แล้วเราจะบอกคนทั้งหลายว่าให้เคารพกฎหมาย ให้ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างไร
          เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน

 
 

หน้าแรก » การเมือง