วันพุธ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567 05:43 น.

การเมือง

ส.ส.เสียบบัตรแทน! "วิษณุ"ยันผิดเสียหายร้ายแรง

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563, 15.05 น.

ส.ส.เสียบบัตรแทน! "วิษณุ"ยันผิดเสียหายร้ายแรง ส่วน "ประวิตร" ปัดส.ส.พปชร.ไม่ได้เสียบบัตรแทน แค่ช่องไม่พอ ชี้ไม่ถือเป็นความผิด

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2563  นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค ออกมากล่าวถึงกรณีการเสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า เมื่อกระบวนการไม่ชอบ กฎหมายก็จะไม่ชอบตามด้วยไม่ต้องตีความว่าเนื้อหาไม่ชอบ แต่ส่วนตัวอยากจะชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เป็นไร โดยยืนยันว่าไม่เคยพูด

          
แต่ตนบอกว่าให้แยกเป็น 2 เรื่อง คือการเสียบบัตร และผลกระทบต่อ พ.ร.บ งบฯ ซึ่งตนย้ำว่า เรื่องการเสียบบัตรถือเป็นความเสียหายร้ายแรงและมีความผิดและบทลงโทษด้วย แต่ที่ตนบอกว่า ไม่ถึงวิบัติหรือความเสียหายนั้นคือเรื่องของ พ.ร.บ. งบฯ ในเรื่องการเสียบบัตรถือว่าเป็นกระบวนการไม่ถูกต้อง และต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าชอบหรือไม่ด้วยกฎหมาย และจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
          
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในปี 2556และ2557 ข้อเท็จจริงวันนั้นก็เป็นอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงครั้งนี้เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่ ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยพูดว่า ข้อเท็จจริงในครั้งนี้เป็นคนละกรณีกัน และอาจจะออกมาได้ทางใดทางหนึ่ง หรือ 2-3 ทาง ตนไม่ขอชี้นำ
          
"ทั้งนี้เมื่อกระบวนการไม่ชอบจะทำให้มตินั้นไม่ชอบแต่บังเอิญกรณีปี 2556 คือการร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนในปี 2557 คือ ร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงิน เป็นกระบวนการที่หากมติไม่ชอบก็ไม่มีมติแต่กรณีกฎหมายงบประมาณ แปลกกว่ากฎหมายอื่นที่มีเงื่อนเวลา จึงมีบทบัญญัติ ม. 143 เป็นกรณีพิเศษ จึงไม่รู้ว่าจะนำ ม.143 มาใช้ได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า ดีแล้ว ที่ ส.ส. ใช้มาตรานี้เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญผ่านประธานสภา ทั้งนี้ ทิศทางหลังจากนี้มีหลายแนวทาง คือเสียไปทั่งฉบับ,เสียไปเฉพาะมตินั้น และเสียเฉพาะคะแนนที่เสียบบัตรแทนกัน นายวิษณุ ยืนยันอีกว่า ตนไม่ขอชี้นำซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบคือ ทำให้การพิจารณางบยืดเยื้อและใช้เวลา แต่เชื่อว่าการล่าช้านี้ก็มีความเสียหายบ้างแต่ไม่รุนแรง" นายวิษณุ กล่าว

"ประวิตร" ปัดส.ส.พปชร.ไม่ได้เสียบบัตรแทน แค่ช่องไม่พอ ชี้ไม่ถือเป็นความผิด

ที่ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม(สส.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

เมื่อถามถึงกรณีคลิปส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสียบบัตรแทนกัน พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่มีพรรคพลังประชารัฐอยู่กัน 4 คน ห้องมันมีที่เสียบไม่พอ มีคนอยู่ 120 มีช่องเสียบแค่ 80 ช่อง เขามายืนอยู่ตรงนั้น ก็ส่งบัตรให้คนนั้นช่วยเสียบให้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร

เมื่อถามต่อว่าการเสียบบัตรแทนดังกล่าวจะกระทบต่อพ.ร.บ.งบประมาณ หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ไม่กระทบ เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ถ้าทำผิดถึงจะกระทบ เป็นเรื่องของทางสภา ตนไม่เกี่ยว ตนฟังเขามา

"ภูมิธรรม"ซัดรัฐบาลหยุดสองมาตรฐาน

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “หยุดสร้างสองมาตรฐาน ทำประเทศให้ไร้มาตรฐาน” มีเนื้อหาระบุว่า
          “หยุดสร้างสองมาตรฐาน ทำประเทศให้ไร้มาตรฐาน
          ข่าวกรณี...รัฐมนตรีและนักกฎหมายบางท่าน ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการเสียบบัตรแทนกันของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้เหตุผลในการ “แก้ต่างออกตัวรับหน้า”แทนรัฐบาลและแทนผู้ถูกกล่าวหาว่า..”การกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติไม่มีปัญหาใดๆ จะใช้บรรทัดฐานที่เคยพิจารณาดังเช่นในอดีตมิได้”..
          เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศและสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น และดำรงอยู่ในสังคมเราในปัจจุบัน
          ในเบื้องต้นอาจส่งผลกระทบเสียหาย และอาจจะมีผลทำให้ร่างฯ พรบ.งบประมาณฉบับนี้ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นปัญหาที่เกี่ยวกับ”กระบวนการตรากฎหมายที่มิชอบ” นอกจากนั้น ยังอาจมีผลทำให้ร่างพรบ.งบประมาณนี้…”ผ่านสภาด้วยเสียงที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งเพราะมีการกดบัตรแทนกัน” ซึ่งจะส่งผลให้ร่างพรบ.ฉบับนี้ต้องตกไป
          นอกจากนั้น ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือ สิ่งที่ รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลกระทำในวันนี้ ได้ตอกย้ำให้สังคมเห็นถึงความเป็นสองมาตรฐาน สร้างบรรทัดฐานที่ผิดเพี้ยน ทำผิดให้เป็นถูก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กล่าวคือ ในกรณีการเสียบบัตรแทนกันของส.ส.พรรครัฐบาลครั้งนี้ ผู้ที่เป็นเนติบริกรของรัฐบาลออกมาบอกว่า ไม่อาจใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับกรณีที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
          การกล่าวอ้างเช่นนี้หมายความว่าสังคมไทยวันนี้ ไม่อาจยึดถือบรรทัดฐานใดๆที่ผ่านมาได้ แต่กลับจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา เพื่อสนองประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง โดยมิได้คำนึงถึงว่าได้ใช้วิธีการดังกล่าวสร้างบรรทัดฐานที่ผิดเพี้ยน ทำผิดให้เป็นถูก ครั้งแล้วครั้งเล่า
          ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้กับหลักนิติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง
          ผมอยากเห็นการสร้างบรรทัดฐานในสังคมที่ถูกต้องตามหลักการ เพื่อให้กฎหมายนั้นยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์ และ ผดุงความยุติธรรมให้กับคนทุกกลุ่ม
          พอเถอะครับสำหรับการมีสองมาตรฐาน ที่พวกเราทำอะไรก็ไม่ผิด แต่พวกเขาถึงไม่ผิดก็สร้างความผิดให้เกิดขึ้นได้
          วันนี้บ้านเมืองเราผิดเพี้ยนและเลอะเทอะในความรู้สึกของพี่น้องประชาชน มามากพอแล้ว..
          แม้นว่าการที่ใครจะเลือกหนทางในการกระทำหรือการเสนอความเห็นทางกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น ก็ถือเป็นการตัดสินใจของท่าน แต่ หากไตร่ตรองให้ดี อยากให้นึกถึงผลเสียหายที่ประเทศชาติจะได้รับให้มาก..
          ขออย่ารุมทำร้ายประเทศให้มากไปกว่านี้เลย..คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยวันนี้กระอักกระอ่วนหัวใจ จนสุดจะพรรณาแล้ว

หน้าแรก » การเมือง