เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2563 ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว(BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า คิดว่าจะพูดนิดเดียวเพราะเหนื่อยทุกวันเลย และเมื่อวานก็หงุดหงิดไปหน่อย 

"อยู่ดีๆ เครื่องบินชนกัน เครื่องบินทหารอียิปต์ชนมา ยืนยันขณะนี้กำลังแก้ไข ไม่ต้องกังวล ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องคนบุคคลเท่านั้นซึ่งระเบียบก็มีอยู่ ไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ คำว่าสิทธิพิเศษคืออนุญาตให้เข้าแต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่สิทธิพิเศษว่าไม่ต้องตรวจ แต่ตรวจแล้วหนีไปเที่ยวอีกเรื่องหนึ่ง โดยต่อไปนี้ต้องเข้มงวดทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกันพวกเต้นในผับในบาร์ระวังไว้ด้วย วันนี้ไม่เห็นใครกลัวกัน หัวจะชนกันอยู่แล้ว นักข่าวกลับได้ยังพูดตรงนี้แล้วเอาไปพาดหัวได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า 

ศักยภาพด้านสาธารณสุขของเราขึ้นชื่อระดับโลก ตนได้พูดคุยกับผู้นำโลกและมหาอำนาจทุกประเทศชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายคนเมื่อมาประเทศไทยต้องใส่หน้ากากเพราะเราบังคับให้ใส่ และอย่างในประเทศอินเดียหากไม่ใส่หน้ากากมีการปรับเงินแสนเหรียญ รวมทั้งยังมีการเฆี่ยนตีจะให้ตนทำแบบนั้นหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ความรับผิดชอบสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใช้แต่กฎหมาย นอกจากนี้วันนี้เมื่อโควิดมาหงายท้องหมด เราต้องฟื้นฟู ซึ่งทุกอย่างมีแผนที่กำลังพิจารณาทั้งหมด แต่หลายอย่างปัญหาอยู่ที่คนและจิตสำนึก ซึ่งระเบียบเป็นตัวกำหนดไว้แล้วชัดเจน แต่การปฏิบัติควบคุมสติได้แค่ไหน
          
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เครียด ยอมรับว่าเครียดเกือบทุกวันบางวันมีงานให้คิดเยอะ คิดเรื่องเก่ายังไม่เสร็จก็มีเรื่องให้ทำตลอดบ่นไม่ได้ไม่ได้บ่น แค่อยากให้ทุกคนช่วยกัน สัญญากับตนให้ช่วยนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า เพราะนายกฯคนเดียวทำไม่ได้ รัฐมนตรีก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนมีความเห็นสวนทางตลอดก็ไม่มีอะไรสำเร็จสักเรื่อง และที่สำคัญกฎหมายใหม่ที่จะออกมาก็ยังไม่ผ่านสภาฯ ซึ่งล้วนเป็นกฎหมายสำคัญทั้งสิ้น จึงต้องขอร้องสภาฯพิจารณากฎหมายให้ตนหน่อย ไม่เช่นนั้นประชาชนเองก็ไม่เข้าใจคิดว่าว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ซึ่งตนมีหน้าที่บริหาร สภาฯ มีอำนาจนิติบัญญัติ และศาลมีอำนาจตุลาการ แยกอำนาจกันทั้งหมด จะก้าวก่ายกันไม่ได้ 

ฉุนสื่อกระพือข่าวระยองทำคนตื่นตระหนก 

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อเสนอให้เยียวยาชาว จ.ระยองว่า เรื่องของระยองตนได้บอกไปแล้วว่า เป็นความบกพร่องความผิดพลาดแล้วจะมาบอกว่า เยียวยากัน ตนก็ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ความตื่นตระหนกนั้นมาจากไหนบ้างตรงไหนบ้าง ตัวบุคคล แล้วอะไรอีกที่ทำคนตื่นเต้นทั้งประเทศจนคนไม่ออกจากบ้าน ใคร ไหนบอกมา ผู้สื่อข่าวจึงได้ตอบนายกฯไปว่า สื่อมวลชน และว่า ก็ลดลงหน่อยซิถ้าคุณโหมกระพือกันอยู่แบบนี้ก็เกิดกันแบบนี้ทุกที่ หรือคุณแน่ใจว่า จะไม่เกิดขึ้นอีก แม้กระทั่งคนไทยด้วยกันเองนี่แหละคุณก็ต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียนแล้วจะแก้ปัญหาตรงไหนอย่างไร
          
"การทำงานแบบนี้ไม่ได้คิดเพียงแป๊ปๆ แล้วถ้าถามผมว่า ต้องไปเยียวยา ผมต้องไปเยียวยาใครละ พ่อค้าต่างๆในตลาดสดที่คนไม่ไปเดินอย่างนั้นใช่ไหม หรือประชาชนที่ขายของไม่ได้ใช่ไหม ก็เพราะเขาตื่นตระหนกใช่ไหม แล้ววันนี้เจอคนติดเชื้อหรือยัง พวกคุณก็ต้องบอกให้เขารู้เรื่องว่า ยังไม่เจอคนติดเชื้อ ให้ช่วยกันออกมาซื้อของให้ใช้ชีวิตตามปกติ ใครสงสัยก็ไปหาหมอ ทำงานอย่างนี้ถึงจะแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าทำงานแบบชนิดที่ว่า เกิดปั๊ป แหย่มาปุ๊ปว่า ใครรับผิดชอบ จ่ายเงินปั๊ป มันไม่ใช่วิธีการคิดแบบนั้น เรื่องนี้จบกันก่อน เพราะยังมีงานอื่นต้องทำอีกมาก" พล.อ.ประยุทธ์  กล่าว

เพราะฉะนั้นวันนี้ขออย่างเดียวคือ ยังไม่มีการติดเชื้อขอให้คนมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ใช่ว่ามีข่าวขึ้นมาคนหนึ่งแล้วก็โทรกันไปกันมาจนเละไปหมดแล้ว ผมก็บอกแล้วไงว่า ผมรับผิดชอบอยู่แล้ว หลายคนบอกว่า รับผิดชอบอย่างไร ผมก็ต้องแก้ไขปัญหา ก่อนหน้านี้มีการติดเชื้อในประเทศไทยหรือไม่ มันมี แล้วเรา แก้ไขได้ไหม หยุดได้ไหม เราหยุดมันได้ ดังนั้นงานนี้ก็เหมือนกันถ้ามันเกิดขึ้นมันก็ต้องหยุดให้ได้ เรารู้ได้อย่างไรว่า จะไม่เกิดถูกไหมละ วันนี้จะแพร่จากต่างประเทศ วันหน้าอาจจะมีในประเทศอีกก็ได้ที่ยังไม่แสดงอาการ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร ไม่ใช่อะไรเกิดขึ้นมาก็เยียวยาๆผมว่า มันไม่ใช่

ส.ส.ระยอง ปชป.จี้ นายกฯเยียวยาชาวระยอง-ธุรกิจพังยับ

ขณะที่ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดโอกาสให้ส.ส.หารือ โดยนพ.บัญญัติ เจตนจันททร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่า จังหวัดระยองเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากทหารอียิปต์นำเชื้อโควิด-19 เข้าจังหวัดก่อนอื่นชาวระยองรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานรถตรวจหาเชื้อโควิดแก่ชาวจังหวัดระยอง นอกจากนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยดำเนินการ ดังต่อไปนี้1.ขอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(ศบค.) ทบทวนเอกสิทธิ์วีไอพีแก่ทูตและชาวต่างชาติเข้าประเทศไทย โดยไม่ได้กักกันตัวเช่นเดียวกับคนไทย2.ขอให้ศบค.ถอดบทเรียนกรณีศึกษาว่ามีการท้าทายมาตรการของศบค.ในการควบคุมป้องกันโรค อย่าให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดระยองต้องปรากฏในจังหวัดอื่นๆ
          
นายบัญญัติ หารืออีกว่า3.ขอให้รัฐบาลเยียวยาแก่พี่น้องประชาชนจังหวัดระยองที่จะต้องหยุดพักงานและนักเรียนต้องหยุดเรียน อีกทั้งธุรกิจที่เสียหายเป็นอันมาก เพราะนักท่องเที่ยวขอคืนห้องเกือบ100 เปอร์เซ็นต์และ4. ขอให้ศบค.แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้แจ้งชื่อโรงแรมและห้างสรรพสินค้าทันทีเมื่อเกิดเหตุ ทั้งนี้ ตนขอเรียนไปถึงคนไทยทุกคนว่าจังหวัดระยองยังปลอดภัย ทีมควบคุมโรคงานสาธารณสุขจังหวัดระยองมีความเข้มแข็ง เมื่อพ้น2 สัปดาห์ไปแล้ว ขอให้มาเที่ยวจังหวัดระยอง