วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 20:52 น.

การเมือง

ภาคเอกชน ขอรัฐบาล-ผู้ชุมนุม จับเข่าคุยหาทางออก

วันอาทิตย์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 10.33 น.

ภาคเอกชนขอรัฐบาล-ผู้ชุมนุมจับเข่าคุยหาทางออก ขณะที่สวนดุสิตโพลเผยความเอื้ออาทรของคนไทยลดลงเพราะสังคมที่เปลี่ยนไป 

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ผู้ให้บริการรถทัวร์ กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความกังวลว่าการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก อยากขอให้รัฐบาลหันหน้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งต่างๆ เพื่อหาทางออกร่วมกันทั้งนี้ เห็นว่าข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองและส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง เศรษฐกิจมากกว่าเดิม

สวนดุสิตโพลเผยความเอื้ออาทรของคนไทยลดลงเพราะสังคมที่เปลี่ยนไป

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 1,236 คน จากทั่วประเทศ (ทางออนไลน์) เรื่อง "ความเอื้ออาทรของคนไทย ณ วันนี้" โดยสรุปผลได้ ดังนี้ ทำไมความเอื้ออาทรของคนไทยจึงลดลง 

อันดับ 1 ร้อยละ 73.35 ระบุ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม 
อันดับ 2 ร้อยละ 56.95 ระบุ การเอาตัวรอด 
อันดับ 3 ร้อยละ 53.53 ระบุ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น 
อันดับ 4 ร้อยละ 51.91 ระบุ ปัญหาปากท้อง 
อันดับ 5 ร้อยละ 51.02 ระบุ ความสัมพันธ์ในครอบครัว

ความเอื้ออาทรใดบ้างที่ควรเร่งสร้างให้กับคนไทย
อันดับ 1 ร้อยละ 74.94 ระบุ ความมีน้ำใจ
อันดับ 2 ร้อยละ 72.58 ระบุ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
อันดับ 3 ร้อยละ 70.71 ระบุ ความสามัคคี
อันดับ 4 ร้อยละ 69.81 ระบุ ความซื่อสัตย์
อันดับ 5 ร้อยละ 68.67 ระบุ ความเสียสละ

วิธีการปลูกฝังความเอื้ออาทรที่เป็นรูปธรรม
อันดับ 1 ร้อยละ 87.91 ระบุ ปลูกฝังในครอบครัว
อันดับ 2 ร้อยละ 78.49 ระบุ ปลูกฝังในสถานศึกษา
อันดับ 3 ร้อยละ 61.20 ระบุ สร้างระเบียบวินัย
อันดับ 4 ร้อยละ 56.74 ระบุ สร้างความเสมอภาคในสังคม
อันดับ 5 ร้อยละ 53.41 ระบุ ปลูกฝังในชุมชน/ที่ทำงาน

ใคร/หน่วยงานใดที่ควรทำหน้าที่ปลูกฝังความเอื้ออาทร
อันดับ 1 ร้อยละ 89.93 ระบุ ครอบครัว
อันดับ 2 ร้อยละ 84.86 ระบุ สถานศึกษา
อันดับ 3 ร้อยละ 59.17 ระบุ รัฐบาล
อันดับ 4 ร้อยละ 56.63 ระบุ ชุมชน/ที่ทำงาน
อันดับ 5 ร้อยละ 50.16 ระบุ สื่อมวลชน

สรุปผลการสำรวจ "ความเอื้ออาทรของคนไทย ณ วันนี้" พบว่า สาเหตุที่ความเอื้ออาทรของคนไทยลดลง เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ร้อยละ 73.35 รองลงมา คือ การเอาตัวรอด ร้อยละ 56.95 ความเอื้ออาทรที่ควรเร่งสร้างให้มีเพิ่มขึ้น คือ ความมีน้ำใจ ร้อยละ 74.94 วิธีการปลูกฝังความเอื้ออาทรอย่างเป็นรูปธรรม คือ ปลูกฝังในครอบครัว ร้อยละ 87.91 โดยคนที่ควรทำหน้าที่นี้ คือ ครอบครัว ร้อยละ 89.93 รองลงมา คือ สถานศึกษา ร้อยละ 84.86ความเอื้ออาทรเป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมและวิถีประพฤติปฏิบัติก็เปลี่ยนไปด้วย คนแก่งแย่ง เอาตัวรอดกันมากขึ้น กอปรกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อปากท้องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้เกิดปัญหาสังคมและปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ตามมา ครอบครัวและสถานศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการปลูกฝังค่านิยมอันดีงามนี้ รวมถึงสถาบันการเมืองเองที่มีหน้าที่บริหารประเทศก็ย่อมมีส่วนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น เพื่อให้คนไทยอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ดี เอื้อต่อการมีน้ำใจอารีต่อกัน

กลุ่มอาชีวะ แถลงการณ์ขอโทษเหตุวุ่นวาย ที่วงเวียนใหญ่

แฟนเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มอาชีวะ ฟันเฟืองธนบุรี แถลงการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วงเวียนใหญ่ โดยระบุว่า ในนามของกลุ่มฟันเฟืองธนบุรีซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้เข้าพื้นที่ชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ในวันที่ 17/10/2563 จากเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากฝั่งใด แต่สำหรับเราฟันเฟืองประชาธิปไตยอาชีวะที่เข้าร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยและออกมาร่วมกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ทุกสถาบันทุกกลุ่มคือเพื่อนคือพี่น้อง สิ่งที่เกิดขึ้นกลุ่มฟันเฟืองธนบุรีจึงอยากที่จะเป็นตัวแทนในการกล่าวขอโทษประชาชนและผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ทุกท่าน
          
แต่เราต้องขอชี้แจงอย่างหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีชนวนจากที่พี่น้องอาชีวะเราถูกจับกุมควบคุมตัว แม้จะมาจากต่างที่ต่างสถาบันต่างกลุ่ม แต่เมื่อเราเห็นเพื่อนที่ต่อสู้ร่วมอุดมการณ์และมีความเป็นอาชีวะเช่นเดียวกัน ทำให้มีความรู้สึกว่าเราถูกกระทำ ทั้งนี้ สิ่งดังกล่าวคงไม่สามารถมาเป็นข้ออ้างในการกระทำที่เกิดขึ้นได้ จึงขอกล่าวขอโทษต่อทุกท่านมาในแถลงการณ์ฉบับนี้

5ข้อเรียกร้องจากกลุ่มแพทย์จากเหตุสลายชุมนุม16ตุลา
 
          กลุ่มแพทย์จำนวน 386 คน จากหลากหลายโรงพยาบาลได้ร่วมลงชื่อและออกแถลงการณ์เรื่อง "มุมมองของแพทย์ต่อสถานการณ์วันที่ 16 ตุลาคม 2563" โดยมีเนื้อหาดังนี้
          จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ปรากฏภาพการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นเยาวชนและกลุ่มสมทบอื่น ๆ เพื่อสลายการชุมนุม ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ นอกจากนี้ยังมีภาพรถพยาบาลที่ไม่สามารถผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อทำการรับส่งผู้ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ตามหลักมนุษยธรรม
          ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ที่มีหน้าที่ต้องทำการรักษาอภิบาลผู้ป่วย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชั้น วรรณะ ทัศนคติทางการเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่อันหลีกเลี่ยงมิได้ตามคำปฏิญาณเมื่อครั้งสำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์ รวมถึงต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวและสิทธิผู้ป่วย (autonomy)
          บุคลากรทางการแพทย์ดังรายชื่อแนบท้าย จึงขอร่วมลงนามในแถลงการณ์ฉบับนี้เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของรัฐ ต่อผู้ชุมนุมเป็นการรับฟังอย่างสันติวิธีและขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชายึดหลักสากลในการควบคุมฝูงชน ดังนี้

          1. โรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย และเป็นกลางทางการเมือง การเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นสิ่งพึงได้รับของพลเมือง บุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วยและผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเสมอภาค

          2. การดูแลการชุมนุมต้องปฎิบัติตามหลักสากล มาตรการที่ใช้ควบคุมฝูงชนจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักความจำเป็น หลักความสมเหตุสมผล หลักความได้สัดส่วนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
 
         3. การใช้รถยิงน้ำยังผสมสารเคมียิงไปยังผู้ชุมนุมเป็นมาตรการที่มีความรุนแรงโดยสภาพ เจ้าหน้าที่ไม่อาจแยกแยะเป้าหมายเพื่อบังคับมาตรการนี้อย่างเป็นธรรมได้ เจ้าหน้าที่จึงไม่ควรใช้รถยิงน้ำกับการชุมนุมที่สงบ แรงดันที่เกิดจากน้ำมีระดับสูง สามารถทำให้เกิดอันตรายแก่กายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ

          4. งดใช้สารเคมีที่มีพิษต่อระบบผิวหนัง และเยื่อบุ หรือต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น แก๊สน้ำตา ต่อผู้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ

          5. เปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของผู้เห็นต่างในสังคม เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
          ขอแสดงความนับถือ

"หมอเหรียญทอง" ไล่แพทย์หญิงออกกลางดึก ไม่รับผู้ร่วมงานที่เป็นแนวร่วมขบวนการอริราชศัตรู

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา หรือ หมอเหรียญทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวประกาศ ไล่แพทย์หญิงออก โดยระบุว่า ประกาศ รพ.พระมงกุฎวัฒนะ เรื่อง ไล่ออก พญ.จรสดาว ริมพณิชยกิจเนื่องจาก รพ.พระมงกุฎวัฒนะมีนโยบายชัดเจนไม่รับผู้ร่วมงานที่เป็นแนวร่วมขบวนการอริราชศัตรู
          
โดย พญ.จรสดาว ริมพณิชยกิจ ได้ร่วมลงชื่อคัดค้านโดยเป็น 1 ใน 386 แพทย์ที่เห็นว่าการสลายการชุมนุมอริราชศัตรูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯในคืนวันที่ 16 ต.ค.63 เป็นการใช้ความรุนแรง ทั้งๆ ที่การสลายการชุมนุมนี้ เป็นการสลายการชุมนุมที่มีขั้นตอนเป็นลำดับ อย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่ความรุนแรง ดังนั้นผมจึงไล่ พญ.จรสดาว ริมพณิชยกิจ ในทันทีนับตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.63 เวลา 23.19 น. เป็นต้นไป
 

หน้าแรก » การเมือง