บทเรียนราคาแพง “ป.ป.ส.” กับ “ไตรโซเดียมฟอสเฟส”

จาก “เคตามีน” กลายเป็น “ไตรโซเดียมฟอสเฟส” งานเลยไปเข้าที่ “สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” (ป.ป.ส.) อย่างหนัก ในยุคที่ “วิชัย ไชยมงคล” เป็น “เลขาธิการ ป.ป.ส.”

ต้องยอมรับกันโดยดุษฎี จากเหตุการณ์ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บุกจับสารเคมีที่โกดังย่านบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ตอนแรก ป.ป.ส.ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเข้าใจอย่างบริสุทธิใจว่าทั้งหมดเป็น “เคตามีน” หรือ “ยาเค” หลังตรวจพบเป็น “สีม่วง” แล้วเกิดการเร่งรีบตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่โตไปทั่วประเทศ

แต่ภายหลังได้มีการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง กลับกลายเป็น “ไตรโซเดียมฟอสเฟส” สารเคมีอุตสาหกรรมอาหารปกติธรรมดา ไม่ใช่ “ยาเค” หรือ “สารเสพติด” อย่างที่เป็นข่าวไปแล้ว เรื่องมันก็เลยวุ่นๆ เพราะทำให้สังคมเข้าใจผิด และต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ

ทว่า หากจะว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เมื่อได้ฟังคำแถลงชี้แจงของ ป.ป.ส.ในเวลาต่อมา ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เกิดจากความผิดพลาด “การตรวจสอบ” เพราะสาร “ไตรโซเดียมฟอสเฟส” เป็นสารที่ ป.ป.ส.ยอมรับไม่รู้มาก่อนว่าผลตรวจจะเป็นสาร “สีม่วง”

มันจึงพอจะสรุปได้แล้วว่า ปมปัญหามาจากข้อ “ผิดพลาด” การตรวจสอบ ไม่ใช่ “ทุจริตเปลี่ยนของกลาง” อย่างที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์แล้ว มันก็ยังพอจะมีช่องทางให้ ป.ป.ส.สามารถกับมากู้หน้าได้ โดยต้องแรกมาด้วยการทำงานให้หนักขึ้น

จะว่าไปแล้ว หากจะมองไปที่การทำงานของ ป.ป.ส. ภายใต้การนำของ “วิชัย ไชยมงคล” ทั้งที่พึ่งเข้ามารับหน้าที่ “เลขาธิการ ป.ป.ส.” เพียงแค่เดือนเศษแล้ว ต้องถือว่ามีผลงานโดดเด่นไม่น้อย โดยเฉพาะแผนการปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 สามารถปราบปราม ตรวจจับและยึดทรัพย์-ตัดวงจรยาเสพติดได้อย่างน่าพอใจ สามารถยึดทรัพย์ได้จำนวนมาก โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากกว่า 44 ล้านบาทการบุกยึดเงินดอลลาร์ที่คิดมูลค่าเป็นเงินไทยกว่า 90 ล้านบาท และการจับกุมและปราบปรามยาเสพติดรายเล็กรายใหญ่อย่างเข้มข้น

โอละพ่อ “ยาเค” ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ “วิชัย ไชยมงคล” ต้องรีบเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนให้ ป.ป.ส.โดยเร็วที่สุด โดยต้องเร่งเดินหน้าทำงานหนักเพื่อขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามยาเสพติด ภายใต้การกำกับดูแลของ รมว.ยุติธรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศเด็ดขาดในการปราบปรามขบวนการยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย

เป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงานแล้วเกิดความผิดพลาดและรีบแก้ไข

ดีกว่าการทำงานแบบประเภท “เช้าชาม-เย็นชาม” เพียงเพื่อรอรับเงินเดือนไปวันๆ

รอง อ.