วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 11:40 น.

การเมือง

“ตรีชฎา" ซัดเศรษฐกิจไทยถึงทรุดหนัก-หนี้สาธารณะไทยพุ่ง

วันจันทร์ ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 17.39 น.

“ตรีชฎา" ซัด "รองโฆษกพลังประชารัฐ" ไม่เคยทบทวนที่ "พิชัย" แนะนำ เศรษฐกิจไทยถึงทรุดหนัก หนี้สาธารณะไทยพุ่ง 7.8 ล้านล้านบาท !!! ทางรอด "ประยุทธ์" ต้องลาออกก่อนทุกอย่างจะสาย

วันที่ 30 พฤศจิกายน นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตามที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าถ้าหากพลเอกประยุทธ์มีเหตุต้องออกจากตำแหน่ง จะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองได้ เพราะที่ผ่านมา ตลอด 6 ปี เศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุด และมาย่ำแย่เพิ่มเติมในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด ทั้งนี้เพราะนักลงทุนขาดความมั่นใจ การลงทุนในประเทศไทยจึงลดลงมากมาตลอดซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็เคยยอมรับเองว่าการลงทุนหายไปมาก หากพลเอกประยุทธ์ มีเหตุต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงอาจช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมา อีกทั้งยังจะช่วยแก้ปัญหาทางการเมือง หยุดการประท้วงของคนจำนวนมากได้

ดังนั้น รองโฆษกพรรค พปชร. น่าจะศึกษาก่อนวิจารณ์ว่าสิ่งที่นายพิชัยพูดไม่ได้เป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างไร เพราะการที่ศาลตัดสินตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม เป็นหลักการของกฏหมายอยู่แล้ว เป็นการยุติปัญหาและยุติความขัดแย้ง ซึ่งสัญลักษณ์ของความยุติธรรม หากไม่เข้าใจก็ไม่ควรจะออกมาวิจารณ์ แต่ก็เข้าใจได้ว่าอาจจะแค่การโต้แก้เก้อ เพราะคนจำนวนมากเริ่มเห็นด้วยกันมากว่าพลเอกประยุทธ์ควรจะออกจากตำแหน่งได้แล้ว

ซึ่งการที่พลเอกประยุทธ์ เกษียณอายุราชการมานานแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลวงเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เป็นการรับผลประโยชน์เกิน 3000 บาทหรือไม่ การอ้างว่าเป็นบ้านหลังที่อาศัยอยู่่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นบ้านรับรองได้เพราะใช้อาศัยอยู่ตลอดเวลา เขาเรียกว่าบ้านพักอาศัย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ น่าจะต้องตอบ 5 ประเด็นที่น่าจะทำผิดในเรื่องนี้ และพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แล้ว แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่กล้าตอบ

และการที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่า S&P ยังคง rating เดิม แสดงถึงความไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเลย สาเหตุของการคงเรตติ้งมาจากทุนสำรองระหว่างของประเทศไทยอยู่ในระดับสูง เนื่องจากไทยสะสมทุนสำรองมานานเป็นสิบกว่าปีแล้ว ไม่ได้เกิดจากสมัยพลเอกประยุทธ์ จึงทำให้มีเรตติ้ง BBB+ แต่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยจะดี ซึ่งหากถามประชาชนทั่วไปจะทราบดีว่าเศรษฐกิจปัจจุบันหนักหนาสาหัสขนาดไหน ธุรกิจ SMEs ปิดตัวกันจำนวนมาก โรงงานก็ปิดตัว คนก็ตกงานมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าในอนาคตหนี้เสียในระบบธนาคารมากขึ้น ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น มีการไหลของเงินตราต่างประเทศออกนอก เรตติ้งก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ดังนั้นจึงควรเข้าใจที่มาของเรตติ้ง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบอยู่แต่รัฐบาลกลับขายฝันว่าเศรษฐกิจไทยได้ฟื้นแล้ว ทั้งที่ปีหน้าคาดว่าจะโตได้ 3.5-4.5% ตามที่รัฐบาลคาดการณ์หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ และถึงโตได้ก็ยังไม่เท่าที่กับการที่จะติดลบในปีนึ้ที่อาจจะติดลบประมาณ 6-7 % ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเป็นอย่างน้อยที่จะกลับมาที่เก่าที่ยังคงแย่อยู่ ไม่ได้ฟื้นตัวได้จริงอย่างที่โม้   และล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจาเผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน มีจำนวน 7,848,155.88 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49.34 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ขณะที่รองโฆษกพลังประชารัฐยังมาบอกว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณดีต่อเนื่อง สถานะคลังแข็งแกร่ง หนี้ยังไม่น่ากังวล ทั้งทีความเป็นจริงสวนทางกัน

นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์ยังคงไม่ได้อ่านคำเตือน รวมถึง คำแนะนำ ที่นายพิชัยเสนอมาตลอด และเสนอไปจำนวนหลายข้อแล้ว รวมถึงทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ก็ได้นำไปทำบ้างแล้ว การที่รองโฆษก พปชร. บอกว่านายพิชัย ไม่เคยแนะนำ ก็น่าจะกลับไปอ่านคำแนะนำจำนวนมากที่นายพิชัยเสนอมาตลอด แสดงว่าปิดหูปิดตาไม่เคยอ่านข้อมูลเลยทั้งที่สื่อลงข่าวจำนวนมาก

อยากให้ พลเอกประยุทธ์ และ พรรค พปชร ได้เปิดโลกทัศน์เพื่อรับฟัง และ ศึกษาสิ่งที่ได้แนะนำ ไม่ใช่เอาคนที่ไม่มีต้นทุน หรือ เอาคนที่ไม่มีใครรู้จักมาตอบโต้แบบมั่วๆเสมอ ซึ่งจะยิ่งทำให้พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลเสื่อมลงยิ่งขึ้น และประชาชนจะยิ่งออกมาไล่มากขึ้น

รวมถึงข้อแนะนำที่นายพิชัยเคยเสนอไว้แล้ว เช่น การช่วยเหลือสภาพคล่อง SMEs ที่กำลังจะตายในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท, ทำค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง, การปรับประเทศสู่ระบบดิจิตอล (Digitalization) ที่เสนอมานานแล้ว  แต่รัฐบาลไม่ยอมทำจนมีปัญหา 5 ทูตออกมาวิจารณ์ และ หอการค้าเพิ่งจะเสนอ, การหารายได้เข้ารัฐในรูปแบบอื่นนอกจากภาษี, การสร้างธุรกิจใหม่ๆทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างบริษัทยูนิคอร์น เป็นต้น

อีกเพียง 2 วันที่ประชาชนตั้งหน้าตั้งตารอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นหมู่หรือเป็นนายกฯ และวันนั้นกลุ่มน้องๆ นักศึกษานัดหมายกันไปชุมนุมด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไปติดตามว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะยังมีความยุติธรรมให้กับประชาชนและคนรุ่นใหม่หรือไม่ อีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง ไม่ว่าจะออกมาเป็นหัวหรือก้อย รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็ฝืนอยู่ต่อไปลำบาก เหมือนเป็ดง่อยไร้เสถียรภาพในสายตาประชาชน นางสาวตรีชฎา กล่าวทิ้งท้าย

หน้าแรก » การเมือง