วันที่ 21 มกราคม 2564  นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเราชนะ โดยระบุว่า กรณีที่มีความกังวลว่า ประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเราชนะนั้น ยืนยันว่า แม้ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เพราะตอนที่จัดทำแผนโครงการเราชนะ ทีมงานได้คิดอย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อไม่ให้คนที่ควรได้รับความช่วยเหลือตกหล่นไป จึงวางรูปแบบไว้ว่า แม้ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะได้
          
ซึ่งจากการตรวจสอบผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูงคือร้อยละ 96.4 กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้ ไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรสวัสดิการฯ โดยตรง
          
ส่วนกลุ่มคนที่อาจไม่มีบัตรสวัสดิการฯ และไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลได้ประสานกับธนาคารของรัฐที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ มาลงทะเบียนได้ ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่าทำได้ เพราะได้วางรูปแบบการลงทะเบียนโดยให้เวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-12 ก.พ.64 ดังนั้นผู้ที่มีสิทธิตามเงื่อนไข เช่น ไม่เป็นข้าราชการ , ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 , มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน 3 แสนบาท จะมีเวลาพอที่จะไปธนาคารของรัฐ เพื่อรับความช่วยเหลือในการลงทะเบียน
          
ส่วนคำถามว่า ทำไมไม่จ่ายเงินเข้าบัญชีแล้วให้ถอนเป็นเงินสด จะได้ใช้จ่ายเงินได้ตามใจชอบนั้น ประเด็นแรก คือ ขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การสัมผัสธนบัตรจึงอาจเป็นสาเหตุของการติดโรค นอกจากนี้รัฐบาลยังคิดถึงเรื่องการลดความแออัดของประชาชน ที่จะไปต่อคิวกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็ม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข อีกเหตุผลที่สำคัญคือ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและให้เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน เพราะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ หรือรับบริการ จะเป็นร้านเล็กๆ ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายจะช่วยเหลือคนตัวเล็กๆ ให้เงินหมุนหลายรอบในระบบ เพื่อช่วยเหลือการใช้เงินในชีวิตประจำวันของคนตัวเล็ก ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
          
ซึ่งโครงการนี้ จะเปิดกว้างให้บริการทั่วไปเข้าร่วมโครงการได้ เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ และอื่นๆ อีกมาก สำหรับคนที่ต้องการนำเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้านก็ทำได้ เพียงแค่ขอให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของห้องเช่า เปิดแอปพลิเคชันถุงเงิน เพื่อที่เราจะได้ใช้เงินในแอปฯ เป๋าตังจ่ายค่าเช่าได้ หรือแม้แต่นำเงินสดที่ประหยัดได้ จากการใช้วงเงินเราชนะ ไปใช้จ่ายในส่วนนั้นก็ได้
          
และสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตคือ การสร้างสังคมไร้เงินสดซึ่งโครงการคนละครึ่งเริ่มต้นไว้ แล้ว “เราชนะ” ก็มาทำให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งอนาคตเราหนีเรื่องนี้ไม่พ้น พร้อมกันนี้ ได้ขอบคุณทุกคำถามและข้อสงสัยต่างๆ ทำให้ทีมงานสามารถมองเห็นเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหาหรือมองข้ามไป เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อประเทศไทยจะเดินต่อได้ และวันนี้พวกเราต้องร่วมมือกัน