เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันนี้ (23 ก.พ.) ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม   95  ราย  แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 52 คน  การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 41 คน ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน 2 คน และผู้เสียชีวิตไม่มี 

ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 25,599 ราย ผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 24,446 ราย  ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 83ราย

นอกจากนี้ศบค. ชุดใหญ่ มีมติกําหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ใหม่ หลังจากสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น 
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1 จังหวัด หรือพื้นที่สีแดง (จากเดิม 5 จังหวัด)

พื้นที่ควบคุม 8 จังหวัด หรือพื้นที่สีส้ม (จากเดิม 20 จังหวัด)
พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด หรือพื้นที่สีเหลือง (จากเดิม 17 จังหวัด)
พื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด หรือ พื้นที่สีเขียว (จากเดิม 35 จังหวัด)

"บิ๊กตู่"เผยวัคซีนล็อตแรกถึงไทย พร้อมฉีดกลุ่มแรกภายใน 3 วัน 
          
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนต้านโควิด- 19 ว่า “วัคซีนซิโนแวค 2 แสนโด้ส ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) จะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนการได้ภายใน 3 วันครับ
          
สำหรับคนไทยจะได้ฉีดวัคซีนฟรีทุกคน ซึ่งเราได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการทั้งหมดไว้ก่อนแล้ว ขอให้รอฟังการชี้แจงศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ต่อไป
          
ทั้งนี้วัคซีนล็อตสองจำนวน 8 แสนโด้ส และล็อตสาม 1 ล้านโด้ส จะตามมาในเดือนมีนาคมและเมษายน โดยส่วนหนึ่งจะใช้สำหรับฉีดเข็มที่ 2 ให้ผู้ที่ได้รับโด้สแรกไปแล้ว ในเดือนพฤษภาคม–มิถุนายน เราจะได้รับวัคซีนแอสตร้า เซเนก้า 26 ล้านโด้ส และจะตามมาอีก 35 ล้านโด้ส
          
วัคซีนของแอสตร้า เซเนก้าขึ้นทะเบียนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนของจอห์นสันแอนด์ จอห์นสัน ที่ได้ส่งเอกสารบางส่วนแล้วแต่ยังไม่ครบถ้วน ของโมเดอร์นาและไฟเซอร์ที่ได้ส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมาครับ จะเห็นว่าเราเปิดรับวัคซีนจากทุกบริษัท ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกันมาโดยตลอด บางส่วนอยู่ในขั้นตอนการขอเอกสาร บางส่วนอยู่ระหว่างการเจรจา ทั้งหมดเราไม่ปิดกั้น
          
เรายินดีที่ภาคเอกชนมีแนวคิดช่วยจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ผู้ที่ต้องการ อย่างไรก็ดี ผู้ผลิตวัคซีนหรือผู้นำเข้าจะต้องขอจดทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนก่อน ซึ่งทาง อย.ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก มาช่วยในการตรวจสอบเพื่อความรวดเร็วในการขึ้นทะเบียนวัคซีนที่จะใช้ฉีดในประเทศไทยทุกล็อต จะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไทยเป็นอันดับแรก
          
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา จะเห็นว่า เราตั้งใจวางมาตรการอย่างเป็นระบบ เพราะทั้งหมดเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยทุกคนในประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ต้องรัดกุม มีแผนงานที่เป็นขั้นเป็นตอนตามแผนของรัฐที่กำหนดไว้  เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และเพื่อให้การฉีดวัคซีนได้ผลในการป้องกันการระบาดได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนสำคัญเรื่องหนึ่งในกระบวนการ คือการป้องกันตัวเอง ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคม เรื่องนี้จะช่วยให้ปลอดภัยจากโควิดได้ดีที่สุด #รวมไทยสร้างชาติ”