วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 19:45 น.

การเมือง

กะเหรี่ยง"เคเอ็นยู"ปะทะทหารเมียนมาต่อเนื่อง ศึกยึดฐานด๊ากวินตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง

วันพุธ ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 17.00 น.

เมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564  นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับทหารกะเหรี่ยง "เคเอ็นยู" ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนว่า ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. จนถึง เช้าวันนี้ ทหารเมียนมาฐานแม่สะล๊อกได้ยิงปืนกลหนักและ ค.60 ไปยังเป้าหมายด้านทิศใต้ของฐาน ฯ ห่างจากฐานฯ ประมาณ 1 กม.ส่วนทางด้านทหารกะเหรี่ยง ก็ได้มีการตอบโต้ด้วยปืนกลหนักเช่นกัน ไม่ทราบผลการปะทะของทั้งสองฝ่าย
          
ในส่วนของบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย เช้าวันนี้ ราษฎรบ้านแม่สามแลบ โดยเฉพาะเจ้าของร้านค้าต่าง ๆ ได้พากันเปิดร้านค้า หลังจากที่ได้มีการปิดร้านลง เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2564 สาเหตุมาจากการสู้ระหว่างระหว่างทหารกะเหรี่ยงกับทหารพม่า ที่ฐาน ซอเลท่า หน้าหมู่บ้านแม่สามแลบ และท้ายสุด ทหารกะเหรี่ยงสามารถยึดฐานดังกล่าวและขับไล่ทหารพม่าออกไป

"กองทัพเมียนมา"แบนทีวีดาวเทียม ชี้เป็นภัยความมั่นคง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสื่อของทางการเมียนมาประกาศวานนี้ ห้ามการใช้เครื่องรับโทรทัศน์ดาวเทียม โดยระบุว่า การแพร่ภาพออกอากาศจากนอกประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและขู่จะลงโทษจำคุกผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการนี้
          
เอ็มอาร์ทีวี สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเมียนมา กล่าวว่า โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกต่อไปแล้ว ผู้ใดที่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยโทรทัศน์และวิดิทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้จานดาวเทียมในการชมโทรทัศน์จะถูกลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับอีก 500,000 จ๊าด หรือประมาณ 10,000 บาท

เอ็มอาร์ทีวี กล่าวด้วยว่า บรรดาสื่อสำนักที่ผิดกฎหมายกำลังแพร่ภาพออกอากาศข่าวที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ หลักนิติธรรม และความสงบเรียบร้อย รวมถึงส่งเสริมผู้ที่ก่อการกบฎ เมียนมาเผชิญกับการประท้วงรายวันจากผู้ที่ต่อต้านรัฐประหาร
          
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเมียนมาถูกรัฐบาลปิดกั้นเป็นส่วนใหญ่เพื่อขัดขวางการประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความรุนแรงขยายวงกว้างและสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองของเมียนมากล่าวว่า กองกำลังความมั่นคงสังหารประชาชนไปแล้วมากกว่า 760 ราย แต่รัฐบาลทหารเมียนมาโต้แย้งว่า ตำรวจและทหารเสียชีวิตไปแล้ว 24 ราย ในระหว่างเกิดการประท้วง

รัฐบาลเอกภาพฯเมียนมาจัดตั้งกองกำลังป้องกันของประชาชน

ขณะที่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา ซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยวันนี้ (5 พ.ค.) ว่า ได้จัดตั้ง กองกำลังป้องกันของประชาชน เพื่อปกป้องดูแลกลุ่มสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร จากการโจมตีและการกระทำรุนแรงของกองทัพเมียนมา และเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งกองทัพแห่งสหภาพสหพันธรัฐ

แถลงการณ์ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่ประกอบด้วยอดีต ส.ส.ที่พ้นตำแหน่งหลังรัฐประหาร, นักเคลื่อนไหว และแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านกองทัพ กล่าวเมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคมว่า กองกำลังป้องกันตนเองของประชาชนนี้เป็นการเบิกร่องสำหรับการจัดตั้งเป็นกองทัพสหพันธ์สหภาพ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการ "ปฏิรูปอย่างมีประสิทธิภาพในภาคความมั่นคง เพื่อยุติสงครามกลางเมืองยาวนาน 70 ปี"          

นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการกับ "การโจมตีโดยกองทัพและความรุนแรงจากสภาบริหารแห่งรัฐที่กระทำต่อประชาชน"

ด้านเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ จอ โม ตุน (Kyaw Moe Tun) ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งต่อต้านรัฐบาลทหารของเมียนมาหล่าวกับรัฐสภาสหรัฐโดยเตือนว่าวิกฤตที่เกิดจากการรัฐประหารเมียนมากำลังคุกคามความมั่นคงในภูมิภาค และรัฐบาลสหรัฐควรคว่ำบาตรทหารเมียนมาเพิ่มเติมกำหนดเป้าหมายไปที่บริษัทน้ำมันและก๊าซของเมียนมาและธนาคารของรัฐ
          
เอกอัครราชทูตเมียนมาร์กล่าวกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศว่า เช่นเดียวกับ ธนาคารเมียวดี (Myawaddy bank) และธนาคารอังวะ(Innwa bank) ที่ดำเนินการโดยทหาร สหรัฐควรลงโทษคว่ำบาตรธนาคารการค้าต่างประเทศของเมียนมาร์ (MFTB) และ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) ไปด้วย
          
MOGE ดำเนินการแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งในการร่วมทุนกับบริษัทระหว่างประเทศรวมถึง Chevron ในสหรัฐและ Total ของฝรั่งเศสในขณะที่ MFTB ทำธุรกรรมในสกุลเงินต่างประเทศให้กับรัฐบาลของเมียนมา
          
"ผมต้องการเน้นย้ำว่าเมียนมาไม่เพียงแต่เป็นพยานถึงความพ่ายแพ้ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของประชาธิปไตย แต่ยังรวมถึงวิกฤตที่คุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคด้วย" จอ โม ตุน กล่าว

สหรัฐเสนอขอความร่วมมือ G7 เพื่อต้านทานอิทธิพลจีน

สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มประเทศ G7 กำลังพิจารณาข้อเสนอของสหรัฐเพื่อตอบโต้สิ่งที่ทำเนียบขาวมองว่าเป็นการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน
          
แหล่งข่าวระบุว่า มีเอกสารเผยแพร่ก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G7 เป็นเวลา 2 วันที่กรุงลอนดอน โดยการประชุมของเจ้าหน้าที่ในวันอังคารนั้นใช้เวลาหารือกัน 90 นาทีเกี่ยวกับการที่จีนพยายามให้ประเทศและบุคคลต่างๆ ทำสิ่งที่ต้องการผ่านโครงการ Belt and Road initiative หรือด้วยการเพิ่มการคุกคามทางเศรษฐกิจ
           
นักการทูตรายหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐต้องการกลไกการหารือที่เกี่ยวข้องกับ G7 รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจในความร่วมมือตอบโต้ความเคลื่อนไหวของจีนและเพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นของกลุ่มประเทศ G7
          
การริเริ่มดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการรวมตัวกันของเยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส ซึ่งเป็น 3 ประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้าร่วมในกลุ่ม G7 โดยทั้ง 3 ประเทศได้เข้าร่วมกับคณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพื่อต้านทานจีน
          
นอกจากนี้ ยังมีการหารือข้อเสนอเพื่อจัดตั้งกลุ่มที่เรียกว่า "เพื่อนของฮ่องกง" เพื่อแบ่งปันข้อมูลและความกังวลเกี่ยวกับฮ่องกง รวมถึงประเด็นอื่นๆ ได้แก่ เมียนมา รัสเซีย ยูเครน และข้อตกลงเกี่ยวกับกลไกการตอบสนองที่รวดเร็วเพื่อตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลซึ่งคาดว่าจะแนบท้ายไว้ในแถลงการณ์ร่วมฉบับสุดท้าย

หน้าแรก » การเมือง