วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 23:20 น.

การเมือง

ราชกิจจาฯประกาศห้ามเสนอข่าวเฟคนิวส์-บิดเบือนข้อมูล ทำปชช.หวาดกลัว

วันพฤหัสบดี ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 20.21 น.

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564  เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 29)
          
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26มีนาคม พ.ศ.2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ 13จนถึงวันที่ 30กันยายน พ.ศ.2564 นั้น

โดยที่มีการเผยแพร่โดยทั่วไปซึ่งข้อความอันเป็นเท็จที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสน ปฏิบัติตนไม่ถูกต้องจนเกิดความเสียหายหรือเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือการรักษาสุขภาพของประชาชนโดยผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต อันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ฉุกเฉินให้วิกฤติยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผล ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงและมีความรับผิดชอบต่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวมในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ตามกรอบที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนด
          
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
          
ข้อ 1 ห้ามผู้ใดเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
          
ข้อ 2 ในกรณีมีการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารตามข้อ 1ในอินเทอร์เน็ต ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) แจ้งผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ทุกรายทราบ และให้ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวทุกรายมีหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อความหรือข่าวสารดังกล่าวมีที่มาจากเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ใด หากเป็นเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ที่ตนเป็นผู้ให้บริการ ให้แจ้งรายละเอียดตามที่สำนักงาน กสทช.กำหนด ให้สำนักงำาน กสทช.ทราบ และให้ระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี (IP address) นั้นทันที
          
ให้สำนักงาน กสทช.ส่งรายละเอียดตามที่ได้รับแจ้งตำมวรรคหนึ่งให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็วเพื่อดำเนินคดีต่อไป
          
ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ต และให้สำนักงาน กสทช.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2564เป็นต้นไป
          ประกาศ ณ วันที่ 28กรกฎาคม พ.ศ.2564
          พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
          นายกรัฐมนตรี

"วิษณุ"เคลียร์ชัด!งัดยาแรงสกัดเฟคนิวส์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีองค์กรสื่อออกมาคัดค้านข้อกำหนด ศบค. ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 เรื่องมาตรการเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ว่า ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการลอกข้อความมาจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อบอกย้ำให้รู้ว่าต้องระมัดระวัง แต่หมายความว่าหากจะมีความผิด ข้อความนั้นต้องเป็นเท็จ ถ้าเป็นข้อเท็จจริงไม่ถือว่าผิด แต่ในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อความเท็จ ซ้ำเติมสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ต่อให้ไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว ถ้าเผยแพร่ข้อความอันบิดเบือนก็มีความผิดตามกฎหมายอาญา หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
          
นายวิษณุ กล่าวว่าตามรัฐธรรมนูญหากมีการเสนอเรื่องราวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน สิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน รัฐธรรมนูญก็ไม่คุ้มครอง วันนี้มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพเกิดขึ้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด แต่ขณะเดียวกัน สิ่งที่สมาคมสื่อออกมาเรียกร้องถือเป็นสิทธิ รัฐบาลรับฟัง และระมัดระวังการบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้มีการเตือนให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังการบังคับใช้กฎหมาย

หน้าแรก » การเมือง