กลุ่มคนรุ่นใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมถอดบทเรียนเพื่อแก้ปัญหาเชิงระบบ ปฏิรูปกฎหมายและสังคม ปลูกฝังเยาวชนให้รู้จักหน้าที่และเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เพื่อเป็นพลังในการพัฒนาประเทศ 

 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 จากกรณีเหตุกราดยิงที่ห้างดัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนอายุเพียง 14 ปี  ทางกลุ่มคนรุ่นใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นว่า ตยขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงสถานศึกษา ต้องร่วมช่วยกันสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ ต่อเนื้อหาสาระจากการถอดบทเรียนของภาครัฐในหลายกรณีก่อนหน้านี้ที่ควรมีความเข้มข้นจริงจัง เพิ่มความรู้จากการทำแผนเผชิญเหตุหรือขั้นตอนการปฏิบัติตัวของประชาชนต่อเหตุร้าย เพื่อลดการสูญเสียที่อาจตามมาได้ หากการถอดบทเรียนยังไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยก็ขอวิงวอนให้รัฐบาลกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งดำเนินการโดยด่วน หรือนำเทคโนโลยีแจ้งเตือนเหตุของมือถือหรือเครือข่ายสัญญาณของผู้ให้บริการผ่านข้อความหรือ SMS Alert ซึ่งถูกใช้งานในหลายประเทศอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ หากเรายิ่งให้ข้อมูลอย่างถูกต้องแก่ประชาชนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดความเสียหายได้มากเท่านั้น

ส่วนนายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาครัฐต้องกลับไปทบทวนมาตรการทางกฎหมายทั้งระบบที่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืน ทั้งปืนที่ถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย และสิ่งเทียมอาวุธปืน มามีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นช่องโหว่ในตัวบทกฎหมายหรือช่องโหว่จากการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตามข่าวอาวุธที่ผู้ก่อเหตุใช้คือปืน BB gun ที่นำมาดัดแปลง ซึ่งตามกฎหมายยังไม่มีมาตรการควบคุมการซื้อขาย ครอบครองและพกพา รวมถึงมาตรการตรวจค้นและรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ชุมนุมชนทั้งของรัฐและเอกชนที่ยังไม่มีระเบียบแบบแผนปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นเอกภาพ ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติเมื่อต้องมีการบังคับใช้โดยเฉพาะในเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว 

นอกจากนี้ ในเรื่องของมาตรการทางกฎหมายที่ใช้กับผู้กระทำผิดทางอาญาที่เป็นเด็กและเยาวชน ก็จำต้องมีการทบทวนหรือไม่ เพราะแม้ในประเทศแถบตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี แคนาดา ก็เริ่มใช้มาตรการในการลงโทษแก่เยาวชนที่กระทำความผิดที่รุนแรงมาก ซึ่งถูกมองว่าเป็นพฤติการณ์ที่รุนแรงเกินกว่าจะเอาความเป็นผู้อ่อนเยาว์มาอ้างเพื่อการละเว้นหรือลดโทษ ซึ่งภาครัฐและภาคประชาสังคมก็ต้องช่วยกันคิด เพื่อป้องปรามเยาวชนให้เกิดความเกรงกลัว มีความยั้งคิด เพื่อปกป้องชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ควรมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองและปกป้องเช่นกัน และรัฐต้องเร่งผลักดันในเรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบของเด็กและเยาวชนที่มีต่อสังคม เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึกของความเป็นผู้ให้ รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบที่พึงมีและพึงกระทำ ควบคู่ไปกับสิทธิและเสรีภาพ เรียนรู้ที่จะเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น เพราะเด็กและเยาวชนคือทรัพยากรอันมีค่าของประเทศชาติ และจะเป็นผู้พัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป