การเมือง
"ปลอดประสพ" เตือนสติรัฐอย่าใช้กฎหมายแรงกับพระเสพเมถุน ย้ำหลักธรรมไม่ควรถูกสั่นคลอนเพราะบุคคล
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

อดีตรองนายกฯ ตั้งคำถามการผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองพุทธศาสนา ที่อาจนำไปสู่การจำคุกพระภิกษุ เตือนสังคมอย่าเหมารวมศาสนากับความผิดเฉพาะบุคคล
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก "ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี" ความว่า จะลงโทษยังไงดีเรื่องพระเสพเมถุน
ผมน่ะหวาดเสียวเหลือเกินเมื่อได้ยินรัฐมนตรีที่ดูแลสำนักพระพุทธศาสนให้สัมภาษณ์ว่า มีข้อเสนอจะตรากฎหมายใหม่ที่เรียกว่า พรบ. คุ้มครองพระพุทธศาสนาและจะมีบทลงโทษจำคุกพระสงฆ์ที่ต้องปาราชิกเพราะเสพเมถุน มันไม่เกินไปหรือครับ คิดให้ดีพระสงฆ์ไม่ใช่อาชญากรและในสมัยพุทธกาลโทษภิกษุที่ร่วมเสพกามเมถุนก็แค่ต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุเท่านั้น
ผมอยากให้สติกับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก่อนที่จะโมโหฉุนเฉียวว่า ท่านต้องแยกบุคคลคือพระกับหลักธรรม พระทำผิด แต่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ายังถูกต้องเสมอ พระองค์ท่านสอนให้เชื่อและศรัทธาใน“ ธรรมและวินัย” ไม่ได้สอนให้เชื่อและลุ่มหลงในบุคคลคือตัวพระ อย่างที่พวกเราชอบปฏิบัติกันอยู่
ในอนาคต ผมคิดว่า ต้องหาทางไม่ให้พระไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดสัมผัสเงินโดยเฉพาะเงินที่เป็นของวัด ส่วนเงินที่พระสงฆ์ได้รับจากการถวายเฉพาะตนก็ต้องเปิดบัญชีพิเศษให้สามารถตรวจสอบได้ จำกัดการใช้แต่เพียงประทังชีวิตในฐานะพระ และเมื่อสึกแล้วต้องถูกทบทวนอีกครั้งว่า จะคืนให้ไปเท่าใดเพื่อการครองชีวิตอย่างสามัญ สำหรับที่ประพฤติผิดเพราะฉ้อโกงเงินของวัดนั้นก็ต้องถูกลงโทษไปตามกบิลเมือง ไม่มียกเว้น
ขอจบด้วยการเตือนสื่อมวลชนที่ทำข่าว อ่านข่าว มีการแสดงภาพหวาดเสียว ท่านอ่านไปทำมือ ทำปากประหนึ่งอินเสียเหลือเกิน ขอเตือนว่า ท่านกำลังทำลายความเชื่อถือต่อพระพุทธศาสนานะครับ นักข่าวหญิงบางคนบุกไปตามกุฎิพระดื้อๆ ทั้งๆ ที่เขามีป้ายห้ามสตรีเข้า ที่แย่มากๆก็คือ มีรายการที่นำสีกากอล์ฟมาออกอากาศ คำถามและคำตอบมันเป็นเรื่อง“ ร่วมประเวณี” กันทั้งนั้น สังคมไทยจะเอากันอย่างนี้หรือครับ มันไม่สวยงามเลย หยุดทำเถิดครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามวิกฤตศรัทธาในพระพุทธศาสนาไทยภายใต้ปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “สีกากับผ้าเหลือง” ซึ่งสะท้อนความเปราะบางของความเชื่อในตัวบุคคลผู้ถือสมณเพศ มากกว่าการยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า บทวิเคราะห์นี้อิงจากการเสวนาวิชาการที่จัดโดยภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีทั้งนักวิชาการและพระสงฆ์ร่วมแสดงความเห็นถึงโครงสร้างและปัญหาของศาสนาบุคคล แนวทางทางพระธรรม และบทบาทของรัฐในการจัดการปัญหา ผ่านมุมมองเชิงปรัชญา สังคม และจริยธรรมทางศาสนา
1. บทนำ
“สีกากับผ้าเหลือง” เป็นคำเปรียบเปรยที่สะท้อนกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไม่เหมาะสมระหว่างพระภิกษุกับสตรี ซึ่งสร้างความสั่นคลอนต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อบุคคลที่ตกเป็นข่าวเป็นพระที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพของสาธารณชน กรณีเช่นนี้มักก่อให้เกิด “วิกฤตศรัทธา” หรือ “Faith Crisis” ซึ่งเป็นภาวะที่ความเชื่อมั่นต่อศาสนาถูกตั้งคำถาม ไม่ใช่เพราะหลักธรรมคำสอนไม่สมบูรณ์ แต่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ปฏิบัติธรรมที่เบี่ยงเบนจากกรอบแห่งพรหมจรรย์
2. วิกฤตศรัทธากับโครงสร้างของศาสนาบุคคล
รศ.สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนา เสนอแนวคิด “พุทธราชาเทวรัฐ” เพื่ออธิบายโครงสร้างแบบพึ่งอำนาจรัฐและชนชั้นนำที่ครอบงำวงการสงฆ์ไทย เป็นระบบที่ส่งเสริมการควบคุมศาสนาโดยรัฐ มากกว่าจะพัฒนาศาสนาให้เป็นพลวัตทางจิตวิญญาณของประชาชน
การเน้นความศรัทธาในตัวบุคคลมากกว่าพระธรรม นำไปสู่การ “บูชานักบวช” มากกว่า “บูชาธรรม” เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของนักบวช จึงเกิดผลกระทบรุนแรงต่อจิตใจของพุทธศาสนิกชน
3. แนวทางพระพุทธเจ้าในการจัดการพฤติกรรมเบี่ยงเบน
ในสมัยพุทธกาล เมื่อมีกรณีพระภิกษุประพฤติผิด พระพุทธเจ้าทรงใช้กลไกการ “เรียกประชุมสงฆ์” และมีการบัญญัติ สิกขาบท หรือบทฝึกหัดเพื่อขัดเกลากิเลส โดยมีการระบุโทษไว้อย่างชัดเจน (เช่น อาบัติปาราชิก สำหรับความผิดทางเพศ)
พระองค์ตรัสว่า “ผู้หญิงกับเงินทองเป็นมลทินของพรหมจรรย์” และเน้นให้ภิกษุดำรงตนอย่างมีสติเมื่ออยู่ใกล้สตรี โดยมีหลัก 3 ขั้น คือ ไม่มอง – ไม่พูด – หรือถ้าจำเป็นต้องพูด ควรพูดอย่างมีสติ
4. วัฏฏะ 3 : การทำความเข้าใจเหตุแห่งปัญหา
การที่นักบวชบางรูปยังพลาดพลั้งในการรักษาศีลพรหมจรรย์ มาจากเหตุปัจจัยของ “วัฏฏะ 3” ได้แก่
กิเลส: ความหลงในรูป เสียง กลิ่น รส
กรรม: การกระทำที่เป็นไปตามแรงผลักของกิเลส
วิบาก: ผลที่เกิดจากกรรมนั้น
หากชาวพุทธฝากศรัทธาไว้กับพระธรรม มากกว่าตัวบุคคล ย่อมเห็นปัญหาเหล่านี้ในแง่ของ “ความจริงแห่งชีวิต” มากกว่าอารมณ์ผิดหวังทางศรัทธา
5. ศาสนจักรยังไม่พร้อมปฏิรูป – บทบาทของรัฐในการกำกับ
แม้ปัญหานี้ควรได้รับการจัดการโดยคณะสงฆ์ตามหลักธรรมวินัย แต่จากความไม่พร้อมของโครงสร้างปกครองภายใน ทำให้การอาศัย “ยาแรงทางกฎหมาย” เช่น การฟ้องร้องทางศาล การสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ กลายเป็นสิ่งจำเป็นในระยะเร่งด่วน
ในมุมหนึ่ง นี่คือการประคับประคองศาสนจักรไม่ให้ถูกกลืนโดยอำนาจนิยมหรือความเสื่อมของศรัทธา ซึ่งควรเป็นภารกิจของ “พุทธชน” ทุกระดับ รวมถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
6. บทสรุป
กรณี “สีกากับผ้าเหลือง” ไม่ใช่เพียงเหตุอื้อฉาวรายบุคคล แต่เป็นเครื่องชี้วัดความเปราะบางของโครงสร้างความศรัทธาแบบฝากไว้ที่ “บุคคล” มากกว่าฝากไว้ที่ “ธรรม”
การฟื้นฟูศรัทธาชาวพุทธไทย จึงต้องเริ่มจากการทำให้ประชาชนเข้าใจ “อริยสัจ 4” เป็นจริง เห็นทุกข์ในรูปของความผิดพลาดทางจริยธรรม ไม่ใช่เพียงอารมณ์ผิดหวังทางศีลธรรม พร้อมกับปฏิรูประบบบริหารศาสนาให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดบทบาทของ “นักบวชแบบอุปโลกน์” ที่บวชเพื่อลาภ ยศ และอำนาจ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- "วราวุธ" กำชับ ศบปภ.ภาคกลาง พม. เตรียมความพร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ ครบทุกมิติ 18 ก.ค. 2568
- "วิเชษฐ์" จี้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงใจให้ปั๊มน้ำมันเปลี่ยนแจกน้ำหันมาแจกผลไม้ตามฤดูกาลที่ตกต่ำแทนแทน ก่อนจะตายกันหมดประเทศ 18 ก.ค. 2568
- "ดร.มหานิยม" เข้าพบ "ภูมิธรรม" ขอช่วยประสานตำรวจ ปมการให้ข่าวพระภิกษุรายวัน หวั่นกระทบจิตใจชาวพุทธแรง 18 ก.ค. 2568
- "ปลอดประสพ" เตือนสติรัฐอย่าใช้กฎหมายแรงกับพระเสพเมถุน ย้ำหลักธรรมไม่ควรถูกสั่นคลอนเพราะบุคคล 18 ก.ค. 2568
- “ตั๊น จิตภัสร์“ ร่วมยินดี “สุณัฐชา” นั่งประธาน กมธ.ตำรวจ สภาฯ ตอบรับเป็น “ประธานที่ปรึกษา กมธ.” 18 ก.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
กกต. แจงคดีฮั้ว สว. ยังไม่เข้าสู่การพิจารณา กกต.ชุดใหญ่ ชี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ 1 ชั้นคณะกรรมการสืบสวนฯ 20:47 น.
- ประธานรัฐสภาลงพื้นที่ยะลา เดินหน้า “ยะลาโมเดล” สู่การแก้ปัญหายั่งยืน 17:24 น.
- เคลมอีกแล้ว! เขมรเปิดศึกปลาร้า ซัดไทยใช้ตราสินค้า "ปลาฮกเสียมเรียบ" ที่ขึ้นทะเบียนGIในตลาดต่างประเทศ 17:02 น.
- “DSD เดินหน้าพัฒนาคนพิการ เปิดอบรมทั่วไทยกว่า 70 หลักสูตร ตลอด ก.ค.–ส.ค. 68” 16:40 น.
- "ทวี" พบปะกลุ่มมวลชนพรรคประชาชาติ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.อุบลราชธานี 16:35 น.