วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 02:25 น.

การเมือง

"อนุทิน" ลั่นกลางเวที วปอ.​68 บอกกัมพูชาหมดโอกาสกลับโต๊ะเจรจา เตรียมกำลังทหารพร้อมแล้วไม่สนภาษีทรัมป์

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 12.47 น.

"อนุทิน"  ประกาศกลางเวที วปอ.​68 บอกกัมพูชา หมดโอกาสกลับโต๊ะเจรจา ขอร้องเป็นเพลง ​my way เมินภาษีทรัมป์​ หลังฉีก​ปฏิญญาสันติภาพ​ เล็งหาตลาดประเทศอื่นค้าขาย 

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68​ โดยมี​ พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกธราพงษ์​ มะละคำ​ ปลัดกระทรวงกลาโหม​ พลเอกอุกฤษณ์​ บุญตานนท์​ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด​​ (ผบ.ทสส.) ร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดว่า​ วันนี้ตนปลื้มใจ​ ดีใจและภูมิใจ ที่ได้กลับมาสู่สถาบัน วปอ.อีกครั้งหนึ่ง นัดสถานที่แห่งนี้ที่ตนเคยเป็นนักศึกษาในหลักสูตร วปอ. การที่ได้พบกับพี่น้องชาว วปอ.ทุกครั้ง ตนถือว่าเป็นการพบกับบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของประเทศ​ เป็นผู้นำระดับสูงจากทุกภาคส่วน​ ทุกท่านที่มาที่นี่ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น ตนเชื่อว่าทุกท่านคงมีประสบการณ์ และตระหนักเสมอว่าในยุคนี้ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงไม่ได้มาในรูปแบบของการรบด้วยอาวุธสรรพกำลังอีกต่อไป แต่แฝงมาในรูปของ การแข่งขันทางข้อมูลการค้า เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการผันผวนของตลาดโลก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์

นายก​รัฐมนตรี​ ยังกล่าวว่า​ ทุกครั้งที่ตนได้ไปร่วมประชุมนานาชาติก็จะเห็นได้ชัดว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั้นได้กลายเป็นแนวรบใหม่ของทุกประเทศในโลกนี้ หากเศรษฐกิจสั่นคลอน​ ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ความไม่พอใจในสังคมก็จะขยายตัวเป็นความปั่นป่วนมีผลต่อเสถียรภาพทางด้านการเมืองสังคม ดังนั้นภาครัฐจึงต้องสร้างเศรษฐกิจที่ไม่พึ่งพาภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งแต่ต้องเป็นเศรษฐกิจที่มีความสมดุลเสมอภาค รัฐบาลที่ตนเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีนี้ มุ่งเน้นการประคับประคอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย​ ให้พวกเขามีกำลังพอที่จะยืนได้ด้วยตนเอง อย่างเช่นโครงการคนละครึ่งพลัส ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ซึ่งข้อสำคัญ เรามีคำว่า "พลัส" ขึ้นมา เพราะได้ครอบคลุมไปถึงการให้ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เพียงผู้ซื้อเข้าถึงช่องทางการค้าขายออนไลน์ เป็นการเปิดประตูทางอากาศใหม่ๆ อบรมให้มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เปรียบเสมือนการให้เบ็ดตกปลาไม่ใช่การให้โครงการแจกเงินเพราะเราต้องการให้คนทุกกลุ่มรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของความมั่นคงร่วมกัน

นายก​รัฐมนตรี กล่าวต่อว่า​ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ​ ในรัฐบาลของตนยังให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคง​เชิงบูรณาการคือการเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจ และความมั่นคงเอาไว้ด้วยกัน คำว่าการบูรณาการ ตนเพิ่งมาเข้าใจ​เมื่อไม่กี่ปีมานี้ รู้ว่าแปลว่าร่วมกัน เวลาไปพูดที่ไหนคิดอะไรไม่ออกก็ใช้คำว่าบูรณาการ แต่เดี๋ยวนี้ในยุคสมัยนี้การทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมือง​ เราขาดคำว่าบูรณาการไม่ได้ เพราะถ้าเราไม่บูรณาการร่วมกัน ก็จะเป็นการเสียศูนย์ แม้แต่ในสภาความมั่นคง​แห่งชาติ​ หรือ​ สมช.​เอง ที่ทุกวันนี้เราต้องประชุมกันบ่อย​ เพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราใช้กลไกของสมช. ซึ่งถือเป็นการ ใช้การบูรณาการร่วมกัน​ คนทั่วไปคิดว่าสมช.คือหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ประกอบไปด้วยทหารของทัพเท่านั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แต่ในสมช.มีทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และมีข้าราชการที่ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงภายใน เพราะหากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปจะไม่ครอบคลุมเวลาจะต้องตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญให้กับประเทศของเรา ดังนั้นเดี๋ยวนี้จะจัดการอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ตนขอย้ำว่าเราทำงานกันเป็นแผง มากันยกแผง

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า และไม่เพียงต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเพียงเท่านั้น​ ในประเทศเอง ก็เจอปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ การปราบปรามสแกมเมอร์ ถือเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมา ในหลายรัฐบาล แต่มาหนักในรัฐบาลของตน ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ กับคุณภาพชีวิตของประชาชนและความเดือดร้อนของประชาชนทุกคน คนที่เป็นเหยื่อสแกมเมอร์มีการศึกษาหมด ไม่ใช่ตาสีตาสา​ แต่ตรงกันข้ามคนที่ไม่มีการศึกษาไม่ค่อยถูกหรอก​ เพราะเข้าไม่ค่อยถึง โอนเงิน​ไม่ค่อยเป็น​ มือถือก็ไม่มี​ การบูรณาการความร่วมมือนี้จึงทำให้ความมั่นคง มีความสำคัญ และมีผลต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยกตัวอย่างว่า​ อย่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้บูรณาการหน่วยงานในสังกัดราชการตลอดจนภาคเอกชน 15 หน่วยงาน เพื่อปรับอาชญากรรมสแกมเมอร์ ร่วมมือกันทำให้ทุกคนเห็นว่าหากต่างคนต่างทำปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไข การทำงานร่วมกันก็จะทำให้มีพลัง และเกิดประสิทธิภาพ เราที่มานั่งรวมกันเรียนอยู่ใน วปอ.นี้ถือเป็นการบูรณาการในรูปแบบหนึ่ง จึงเชื่อมั่นได้เลยว่าทุกคนมีความรับผิดชอบในภารกิจ ที่ต่างกันนั้นก็จะต้องมาร่วมมือกันหรือบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศต่อไปอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ภาคเอกชนภาษาทหารก็คือเป็นแนวหน้า ในทางเศรษฐกิจ หลายๆประเทศ ภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ​ SMEs ถือเป็นกระดูกสันหลังของแผ่นดิน เพราะนั่นคือจำนวน ของ Real Sector หรือผู้ที่อยู่ในบทบาทด้านเศรษฐกิจตัวจริง ทุกการลงทุนคือการสร้างงานสร้างรายได้ การลดแรงกดดันทางสังคม และการนำภาษี มาจ่ายให้กับภาครัฐเพื่อนำเงินเหล่านี้ พัฒนาบ้านเมืองต่อไป รัฐบาลจึงมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัลและพลังงานสะอาด​

นายก​รัฐมนตรี​ ยังเล่าย้อนถึงการร่วมการประชุมผู้นำเอเปกเมื่อสัปดาห์ก่อน​ว่าประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมทุกวง มี หลายประเทศไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ต้อง ไปนั่งรออยู่ข้างนอก เขารอเข้าไปในวงใหญ่​ สังเกตได้เลยว่า​ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกติกาโลก​ ไม่ทำให้ตัวเองมีศักยภาพ ไม่ทำให้คุณได้สนใจว่า ประเทศของเรา เป็นประเทศที่เกื้อหนุนจุนเจือซึ่งกันและกันได้ เมื่อหลุดวงโคจรอำนาจต่อรองก็จะไม่มี เพราะฉะนั้นรัฐบาลกำลังที่จะเร่งปฏิรูปกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อผู้ประกอบการ ภาคเอกชนคงได้ยินแล้วว่ากิโยตินทางกฎหมาย ทางรัฐบาลของตนได้ให้ ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์​ อุวรรณโณ​ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบ ที่มีทั้งความรู้และประสบการณ์ โน้มน้าวคนเก่าๆที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พร้อมระบุว่า​ มีข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการ ประจำหลายคนพูดว่าเอื้อเอกชน แต่ที่พูดไปลืมว่าเงินเดือนข้าราชการก็มาจากเหล่านี้ เพราะถ้าเขาประกอบอาชีพประกอบกิจการแล้วเขาไม่มีผลกำไร ก็ขาดทุน ก็ไม่เสียภาษีและถ้าเก๋าขึ้นไปกว่านั้น เขาเรียกภาษีคืนด้วยเพราะก่อนหน้านี้ เสีย Vat ไปก่อน บางทีจ่ายเกินไป​ อธิบดีสรรพากรก็เก่งดึงให้ช้า ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของภาคเอกชนนั้นตึง​ หลายครั้งที่ทำนายกรัฐบาลต้องเชิญอธิบดีต่างๆช่วยเร่งทำสัญญาเร่งจ่ายเพราะเงินไม่เข้าสู่ในระบบ

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ วปอ.68 นอกจากจะเป็นเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันแล้ว ยังมีวปอ. 61 อีก 1 คน ที่เป็นเครือข่ายกัน ถ้าเราทำงานให้ชาติให้แผ่นดินแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีคำว่า​ No แต่คำว่า Yes และ Advance ขึ้นไปเท่านั้น ต้องทำโดยทันที พร้อมกับกล่าวว่าวปอ. เป็นสถาบัน ที่เราสามารถใช้ศักยภาพ องค์ประกอบของแต่ละคนที่จะมาร่วมกันพัฒนาประเทศนี้ วันนี้ประเทศไทยเรา กลับมาอยู่ในจอเรดาร์ มีโอกาสมากมายเกิดขึ้นเพราะเราเปิดกว้าง

"เมื่อวานที่ประชุมสมช.ได้มีการประเมินสถานการณ์ วันนี้เราลงนามในปฏิญญา​ แต่ปฏิญญาผู้ที่ลงนามกับเราไม่ปฏิบัติ ในเมื่อไม่ปฏิบัติ ตนก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไรตนก็ต้องร้องเพลง ​my way อย่างตน​ อย่างพี่เล็ก​ พี่หยอย​ พี่​ปู จะมานั่งโต๊ะก็ตะขิดตะขวงใจกันมันไม่ได้แล้ว เพราะ 4 ข้อหลัก 4 ข้อคุณไม่ทำ แต่เราทำ เราทำทุกข้อ เราต้องการให้เกิดสันติภาพโดยเร็วที่สุด​ แต่เมื่อคุณไม่ทำ แล้วจะกลับมาทำใหม่ไม่ได้ วันนี้ประเทศไทยต้องยึดผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเท่านั้น ตรงนี้มีความชัดเจนแล้ว ตนจึงบอกว่าเดี๋ยวเจรจาการค้าภาษีเป็นอย่างไร ไม่สนแล้ว หากขายประเทศนี้ไม่ได้ ก็ไปหาประเทศอื่น​ ภาคเอกชนต้องช่วยกัน เราจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับประเทศประเทศเดียวได้อย่างไร ภาคเอกชนเข้าใจเรื่องนี้ดี​ ส่วนนี้ปิด​ไปไม่เป็นไร​ ไปหาที่อื่นได้ ใช้ภาษีมากกดดันเราก็ไม่เป็นไร เพราะประเทศอื่นก็โดนผลกระทบเรื่องภาษีเหมือนกัน เราต้องมานั่งคุยกันเองท้ายที่สุดแล้วหากภาษีสูงมากจนถึง 100% ท้ายที่สุดผู้เดือดร้อนก็คือผู้ซื้อเราเป็นผู้ผลิตเราก็ต้องมา หันมาซื้อของในบ้านเราให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราต้องอยู่ให้ได้ในยุคที่สร้างศักยภาพให้กับตนเอง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุทินยัง​ ย้ำในช่วงท้าย​ รุ่นนี้รุ่น 68 ตนรุ่น 61​ ยังคุยกันรู้เรื่อง ในรอบ 10 ถึง 15 ปี ที่จะมีการพูดคุยพบปะกัน ซึ่งในที่นี้ ก็รู้จักกันกว่า 80% ก่อนถามหานายธนพร​ ศรียางกูร​ และกล่าวต่อต้องไม่มีการเมืองในวปอ.ทุกอย่างต้องหลอมรวม ไม่ให้อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องเข้ามาเพื่อที่จะให้ใช้คุณงามความดีทำงานให้กับบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน

สำหรับนักเรียนวปอ.รุ่น​ 68 มีจำนวนทั้งสิ้น​ 299 คน มีบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ พันตํารวจตรี ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ /นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นต้น

พร้อมกันนี้ได้ให้สัมภาษณ์กรณีฉีก Joint Declaration จะต้องชี้แจงกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หรือไม่ ว่า มันไม่มี 4 ข้อ นั้นแล้ว จะมีข้อที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการ Do it My Way ไม่รู้จะพูดอย่างไร

เมื่อถามว่าบนเวทีที่ นายกฯ กล่าวว่า เมินมาตรการภาษีทรัมป์ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เราเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกเป็นหลัก ฉะนั้น ก็มีหน้าที่ที่จะแสวงหาโอกาส หาตลาดใหม่ใหม่ อยู่ตลอดเวลา ก็มีหน้าที่ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าของประเทศไทย ให้เป็นที่ต้องการของทั่วโลกให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งศักยภาพของประเทศไทยมีแล้ว เราจะไม่ให้สิ่งเหล่านี้ มาเป็นเป็นตัวฉุด หรือทำให้เราเสียเปรียบ หรือทำให้อธิปไตยของเรา ถูกก้าวล่วง

 ส่วนจะมีการชี้แจงกับสหรัฐอเมริกาหรือไม่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ลงนาม Joint Declaration นายอนุทิน กล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่

ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการให้มีการสู้รบให้จบโดยเด็ดขาด และอีกส่วนกังวลจะมีการสู้รบ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีแผนปฎิบัติอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องความมั่นคง การป้องกันประเทศ ไม่สามารถมาพูดในลักษณะการให้สัมภาษณ์ ได้ แต่ในความรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาล เราได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ กำหนดมาตรการและผู้ปฏิบัติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่ออธิปไตยของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนต่อเกียรติภูมิศักดิ์ศรี ของทหาร และเจ้าหน้าที่ที่คอยปกป้องดูแลแผ่นดินของเราอยู่ พร้อมย้ำว่าทุกอย่างมีอยู่ในแผนการดำเนินการทั้งหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเตรียมกำลังทางทหารพร้อมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน พยักหน้า รับ ก่อนกล่าวว่า “แน่นอนครับ พยัก”

 
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง