วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 15:03 น.

อสังหา

‘เอพี ไทยแลนด์’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก กวาดรายได้รวม หมื่น ล้านบาท

วันพุธ ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, 15.07 น.

‘เอพี ไทยแลนด์’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก กวาดรายได้รวม หมื่น ล้านบาท

 

เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการ โชว์ผลงานไตรมาสแรกเติบโตอย่างโดดเด่น ด้วยความสำเร็จจากสินค้าบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม (100%JV) ดันรายได้รวมเติบโตถึง 10,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 37.4% ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 1,078 ล้านบาท ปัจจุบันสร้างยอดขายได้แล้วถึง 15,000 ล้านบาท เติบโต (+220%) มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขาย และยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน (เป้ายอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 35,900 ล้านบาท รวม 100%JV) การันตีเติบโตอย่างมั่นคงด้วยสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากกว่า 51,500 ล้านบาท พร้อมแผนเปิดตัวอีก 23 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง

 

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกความท้าทายของผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ ที่จะสร้างสรรค์ให้สินค้ามีความแตกต่าง โดดเด่นโดนใจผู้บริโภค ซึ่งเอพีมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองยังคงมีดีมานด์อยู่ เพียงแต่รูปแบบและแพ็คเกจ ราคาสินค้าต้องพัฒนาบนพื้นฐานความต้องการที่อยู่อาศัยจริง และสอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระในยุคปัจจุบัน ซึ่งสำหรับเอพีแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และการโอนกรรมสิทธิ์โครงการทั้งคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ ไตรมาส 1 เอพีสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 10,030  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.4% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 7,300 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 1,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าเท่ากับ 24.6% ที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 865 ล้านบาท บริษัทฯ ยังคงรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.78

 

“หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง และการกำหนดแพ็คเกจราคาขายที่ครอบคลุมดีมานต์ตั้งแต่ราคาเริ่มต้น 2-50 ล้านบาทขึ้นไป โดยรายได้รวมในไตรมาส 1 ที่เกิดขึ้นกว่า 10,030  ล้านบาท เป็นยอดจากการรับรู้รายได้ในสินค้าแนวราบ ซึ่งโตขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 50% สะท้อนถึงกระแสการตอบรับของสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ส่วนสินค้าคอนโดมิเนียมโครงการ RHYTHM เอกมัย และ LIFE อโศก ถือเป็นคีย์สำคัญในการผลักดันรายได้รวมในส่วนคอนโดมิเนียมให้กับเอพี ไทยแลนด์” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม   

 

 

 

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้วมากถึง 15,000 ล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) เป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 51,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 7,160 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (รวมโครงการร่วมทุน) มูลค่า 44,340 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 7,490 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ใน ครึ่งปีหลังอีกจำนวน 23 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ  27,260  ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮมจำนวน 12 โครงการ มูลค่า 9,250 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 11,710 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม  1 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท ตลอดจนโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (Ongoing Projects)  อีกกว่า 100 โครงการรอบกรุงเทพฯ มูลค่าคงเหลือขายรวมกว่า 55,150 ล้านบาท

 

 

 

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด ภายใต้ พันธกิจสำคัญ คือ ตอบโจทย์และเติมเต็มการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการยกระดับรูปแบบการดำเนินงานสู่การสร้างประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วน ด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากที่สุด” นายอนุพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

 

ทั้งนี้ สรุปปี 2562 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 40 โครงการมูลค่า 58,050 ล้านบาท โดยมีแผนเตรียมเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 23 โครงการ มูลค่า 27,260 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท แนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 20,960 ล้านบาท