วันที่ 31 ก.ค.63  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้า จากกรณี ที่พลเมืองดีแจ้งว่า พบเห็นภรรยาสาวปั่นจูงซาเล้งพาสามีตาบอด  จาก จ.สระแก้วมุ่งหน้ามาตามถนน 304 (กบินทร์บุรี-ศรีมหาโพธิ) ขาล่องฉะเชิงเทรา เพื่อจะไป กทม.  โดยทั้งคู่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป-เก็บของเก่าขาย พักอาศัยอยู่กับบ้านญาติ ไม่ต้องการที่จะเป็นภาระของใคร ก่อนหน้าสามีไม่มีบัตรประชาชนจนไม่ได้สิทธิสวัสดิการทางสังคม – สุขภาพ  ได้ล้มป่วยเป็นต้อกระจก  ไม่ได้รับการรักษาจนตาบอดทั้ง 2 ข้างเมื่อปี 2557 และได้ขอสวัสดิการคนพิการ  แต่ไม่สามารถขอได้  ล่าสุดได้ตัดสินใจเดินทางออกจาก จ.สระแก้ว  โดยรถซาเล้งปั่น แต่โชคร้ายรถลูกปืนแตกไม่สามารถถีบ-ปั่นได้ ภรรยาที่สายตาดีเป็นคนจูง ส่วนสามีนั่งบนรถบ้าง –เดินเกาะรถซาเล้งมาบ้าง ตามที่เสนอรายละเอียดก่อนหน้านี้แล้วนั้น

 

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหว 2 สามี  -ภรรยา จากตามริมถนนสาย 304 (กบินทร์บุรี –ศรีมหาโพธิ)  อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จนได้พบทั้งคู่ อยู่บนถนนสาย 304 บริเวณหน้าตลาดไทยประคอง โดยขณะนี้บุคคลทั้งสอง เดินไสรถไส (ซาเล้ง) ไปตามถนนสาย 304 มุ่งหน้า กทม. ตามความประสงค์ที่บอกไว้

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม จุดมุ่งหมายที่จะไป กทม.ยังยืนยันอยู่หรือไม่? นางผยอม กล่าวว่า จะพาสามีเดินทางไป กทม.ตามที่ตั้งใจไว้ ขณะใช้รถมาตามทาง สามีนางพะยอมได้ขอเงินผู้สื่อข่าว เพื่อซื้อข้าวกินปะทังความหิว    

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวให้นมกล่องดื่ม-กิน เพื่อประทังความหิวก่อน นางพะยอมบอกว่า จะหาศาลาที่พัก เพื่อหุงข้าว ตำส้มมะละกอกินก่อน ค่อยเดินทางต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้

 

  นางพะยอม บอกต่อไปว่า บ้านเกิดอยู่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ จะไม่กลับไปที่บ้านเกิด เพราะห่วงสามี รักสามีอยากจะดูแลสามีให้ดีสุด อาจเป็นเวรกรรมร่วมกันก็เป็นได้ที่ต้องดูแลร่วมทุกข์ ร่วมสุขจนตายจากกันไปข้างหนึ่ง