วันที่ 18 ส.ค.63 เวลา 04.45 น. ร.ต.ท.อนุพงษ์ หงษ์ไทย รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุ รถยนต์กระบะพุ่งชนร้านค้าพังเสียหายหลายร้าน และมีรถจักรยานยนต์ถูกพุ่งชนจนทำให้คนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณใกล้จุดกลับรถ (ยูเทิร์น) จุดแรก หลังจากลงไปจากสะพานเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ด้านฝั่งท่าข้ามประมาณ 1 กม. บนถนนศุขประยูร เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

 

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ 4 ประตูสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กบ-9077 ฉะเชิงเทรา พุ่งเข้าไปอยู่ภายในรั้วบ้านของ นายวิทยา ศิริศักดิ์เกษร อายุ 58 ปี เลขที่ 93/3 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนศุขประยูร ด้านซ้ายฝั่งขาออกจนทำให้ตัวบ้านได้รับความเสียหาย แนวรั้วกำแพงพังยับเยินไปตลอดแนวกว่า 10 เมตร และมีทรัพย์สินพร้อมด้วยกรงเลี้ยงนกพิราบ กรงเลี้ยงไก่ และตู้เลี้ยงปลา ได้รับความเสียหายอีกจำนวนมาก

 

ส่วนบ้านหลังที่ 2 เลขที่ 93/18 แนวรั้วบ้านและเสาหลังคากันสาดหน้าบ้าน ถูกพุ่งชนจนได้รับความเสียหายด้วยเช่นเดียวกัน และมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจส ทะเบียน 1กญ-5331 ฉะเชิงเทรา ที่จอดอยู่ในบ้านถูกพุ่งชนจนตัวรถพังยับเยินที่บริเวณด้านหน้า

 

ขณะที่บ้านหลังแรกซึ่งเป็นร้านค้าขายอาหารตามสั่งและปลาเผา ของนางสีนวล พวงสุข อายุ 52 ปี เลขที่ 93/1 มีทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์ภายในร้านค้าขายอาหารเครื่องครัว เตาปิ้งปลาเผา ตู้ปลาเผา และแนวรั้วกำแพงเหล็กพังเสียหายอย่างหนัก จนอุปกรณ์ต่างๆ ปลิวกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณ

 

ถัดไปอีก 1 หลังเป็นร้านค้าอาหารเมนูต่างประเทศ "ชาบู ชาบู" ที่บริเวณแนวกำแพงไม้ไผ่กั้นระหว่างร้านค้า พบร่างของผู้เสียชีวิตเป็นชายไม่ทราบชื่อวัย 53 ปี พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน หมายเลขทะเบียน 1กต-8038 ฉะเชิงเทรา สภาพถูกพุ่งชนจนตัวรถไปปะทะเข้ากับเสาไฟฟ้า ก่อนกระเด็นไปตกใส่กำแพงซ้ำอีกครั้ง จนแหลกละเอียดพังเสียหายทั้งคัน

 

ทราบชื่อคนขับรถยนต์กระบะ คือ นายกรวิสุทธิ์ เลิศศิริ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/4 ม.5 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้ให้การต่อเหน้าที่ตำรวจว่า ขณะเกิดเหตุได้ขับรถหลบรถจักรยานยนต์ที่กำลังขับขวางอยู่บนเส้นทางลักษณะส่ายไปมาในขณะฝนตก จนทำให้ตัวรถเสียหลักออกนอกเส้นทางพุ่งขึ้นมาชนยังบนร้านค้าขายริมทางเท่านั้น

 

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ นางสีนวล เจ้าของร้านปลาเผาซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถประกอบอาชีพทำกินได้ กล่าวว่า วันนี้ทำการค้าขายอะไรไม่ได้เลย และยังไม่รู้ว่าจะเอาเครื่องมืออะไรทำกิน เพราะยังไม่มีเงินลงทุนใหม่ เนื่องจากอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพถูกรถพุ่งชนพังเสียหายทั้งหมด และยังไม่รู้ว่าใครจะมาชดใช้ค่าเสียหายให้ หรือช่วยนำเงินมาให้ลงทุนก่อน

 

หากจะรอบริษัทประกันภัยของรถคู่กรณีมาทำการชดใช้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมาชดใช้เงินคืนให้เมื่อใดหรืออีกนานแค่ไหน โดยปกติตนขายอาหารตามสั่ง ขายปลาเผา ขายก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ มีรายได้วันละประมาณ 6,500 พันบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือประมาณ 3 พันกว่าบาท แต่มาวันนี้ไม่มีรายได้เลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่เศรษฐกิจตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเร่งรัดให้ทางบริษัทประกันภัยของรถคันก่อเหตุ รีบเข้ามาทำการซ่อมแซมชดเชย และซื้ออุปกรณ์มาให้ใหม่ด้วย

 

ขณะที่ นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับบ้านของตนแนวรั้วที่ถูกชนพังเสียหายนั้น มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นบาท และยังมีกรงไก่ ตู้เลี้ยงปลา กรงนกพิราบ ที่ถูกพุ่งชนเสียหาย ขณะที่นกพิราบที่เลี้ยงไว้ยังบินหายไปอีกจำนวนหนึ่งด้วย ตลอดเกือบทั้งวันมานี้ จึงได้แต่ทำการเก็บกวาดและทำความสะอาดเศษซากบริเวณบ้านที่ถูกรถยนต์พุ่งเข้ามาชนเท่านั้น โดยในขณะเกิดเหตุรถพุ่งเข้ามาชนนั้น ได้ทำให้ตัวบ้านทรุดเอียงเอนไปด้วย เพราะเขาขับมาด้วยความเร็วสูง และในขณะที่ตำรวจและประกันภัยเข้ามาตรวจในที่เกิดเหตุ ยังพบว่าภายในรถมีขวดสุราตกอยู่ด้วย และยังมีกลิ่นสุราภายในรถและที่ตัวคนขับ จึงเชื่อว่าคนขับน่าจะเมาสุราจนทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้ามาชนในครั้งนี้