เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกับกู้ชีพ รพ.ต้องใช้เครื่องตัดถ่างเร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากซากรถ ส่ง รพ.อย่างเร่งด่วน แม้จะถึงมือแพทย์  แต่ สุดท้ายหญิงชราวัย 68 ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตายในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุเบื้องต้นตำรวจคาด รถวิ่งสานทางบนถนนที่ไม่มีเกาะกลาง  มีแค่เส้นสีเหลืองแบ่งเลนถนน จึงพุ่งชนประสานงากันอย่างจัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.19 น.ของวันที่ 24 พ.ย.63 พ.ต.ท.ไชยยศ พฤติพงศ์พาณิชย์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจจุดบริการประชาชนบ้านปลักเขว่า ต.หนองสาหร่ายฯ ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนประสานงากันมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย
     

เหตุเกิดบนถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน หมู่ 8 ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวนฯ หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพจถนรัตนาวุธ) ร่วมกับกู้ชีพ รพ.มะการักษ์กำลังเร่งใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่างช่วยเหลือนำร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 รายที่ร่างถูกอัดก็อบปี้ติดอยู่ภายในรถยนต์เก๋งยั่ห้อโตโยต้ายาริสสีดำ หมายเลขทะเบียน กท.-6906  กาญจนบุรี ที่ชนประสานงากันกับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าบีโอ้สีบรอนท์เงิน หมายเลขทะเบียน 5 กศ.-2810  กรุงเทพมหานครฯ ที่จอดอยู่บนถนนในสภาพด้านหน้ารถทั้ง 2 คันพังเสียหาย

โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ เพื่อนำส่ง รพ.เให้แพทย์ทำการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 รายสอบสวนทราบชื่อ คือ 1.นายสุจินต์ ศรีทับทิม อายุ 67  ปี อยู่บ้านเลขที่ 49  หมู่ 4 ต.หนองโรง อ.พรมทวน จ.กาญจนบุรี 2.นส.วันฎา ศรีทับทิม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเดียวกันกับนายสุจินต์ ศรีทับทิม 3.นางระอา ศรีทับทิม อายุ 68 ปี อยู่บ้านเดียวกันกับนายสุจินต์ ซึ่งร่างถูกอัดก็อบปี้ติดอยู่ด้านหน้ารถ ขาทั้ง 2 ข้างหักผิดรูป ส่วนคนสุดท้ายชื่อ น.ส.เกวลี วิเศษสิงห์ อายุ 15 ปี ไม่ทราบที่อยู่

ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งจากทาง รพ.ฯ ว่านางระอา ศรีทับทิม ซึ่งอาการสาหัส แพทย์ได้ทำการช่วยเหลือปั้มหัวใจอย่างเร่งด่วน แต่ก็ทนพิษยบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในแล้ว จึงเดินทางไปทำการชันสูตรพลิกศพ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์เก๋งโตโยต้ายาริสวิ่งจาก ต.หนองโรง เพื่อไปทำธุระที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์เก๋งฮอนด้า วิ่งจาก อ.กำแพงแสน นครปฐม มุ่งหน้าจะไปทำธุระที่ อ พนมทวน กาญจนบุรี เมื่อรถทั้ง  2 คัน วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุบนถนนทั้งสายไม่มีเกาะกลางถนน มีเพียงเส้นสีเหลืองแบ่งเลนถนนเท่านั้น รถจึงเกิดพุ่งชนประสานงากันอย่างจัง คาดว่าต้องมีรถคันใดคันหนึ่งวิ่งกินเลนเข้าไปในช่องทางของรถอีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนทางมาตึงทำให้เกิดพุ่งชนกันอย่างจัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป