เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเพียนาม หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในหมู่บ้านว่า มีชายฉกรรจ์อายุประมาณ 50 ปี  พกพาอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้ามาภายในหมู่บ้าน ก่อนจ่อปืนใส่สุนัขของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ เพราะส่งเสียงเห่าตลอดทาง โดยชาวบ้านในหมู่บ้าน ได้พากันจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวได้ภาพจากชาวบ้านที่สามารถบันทึกวีดีโอขณะที่ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวกำลังขับรถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้าน หลังจากก่อเหตุแล้วเสร็จ ขณะที่กล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน สามารถบันทึกภาพและเสียงภายในกล้องวงจรปิด ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเวลา 21.59 น .ของวันที่ 28 กันยายน 2567 จะได้ยินเสียงของสุนัขเห่าตลอดเวลา หลังจากนั้น เมื่อเสียงสุนัขเงียบลง จะเห็นแสงไฟจากรถจักรยานยนต์ของชายฉกรรจ์คนดังกล่าวขับรถออกไปจากหมู่บ้าน

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ได้พูดคุยกับ นายวสันต์  บุญราช อายุ 43  ปี บ้านเลขที่ 131 หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ ชาวบ้านที่มีโอกาสได้เผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์คนดังกล่าว หลังจากที่ ชายฉกรรจ์ได้เข้ามาภายในบ้านและถือปืนจ่อพร้อมหมายเอาชีวิต สุนัข 2 ตัว ของนายวสันต์  ประกอบด้วย เจ้ามอ สุนัขพันธุ์ไทยเพศผู้ สีดำ และ เจ้าไข่เจียว สุนัขพันธ์ไทยเพศผู้สีน้ำตาล ที่เจ้าตัวเลี้ยงไว้ด้วยความรัก

นายวสันต์  กล่าวว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 28 กันยายน 2567 ได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี แต่งกายภูมิฐาน สวมหมวกแก๊ป เสื้อคอปกแขนสั้น ลักษณะคล้ายคนมีสี และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา ซึ่งตนไม่เคยพอเจอและเห็นชายฉกรรจ์คนนี้มาก่อน โดยชายฉกรรจ์คนดังกล่าว ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของตน ก่อนที่สุนัขของตน เจ้ามอ และเจ้าไข่เจียว จะเห่าใส่ หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์คนดังกล่าว ได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้กลางถนน และเดินลงมาพร้อมกับถือปืนไม่ทราบชนิด ยกขึ้นจ่อมายังสุนัขทั้ง 2 ตัว ของตน เมื่อตนเห็นเช่นนั้น จึงได้เดินออกมาจากบ้านและได้ตะโกนถามชายฉกรรจ์คนดังกล่าวว่า เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยหรอ? จะยิงสุนัขของตนเลยหรอ?  พอชายฉกรรจ์คนดังกล่าว ได้ยินเช่นนั้น จึงเดินกลับมาอีกรอบ พร้อมกับเอาปืนเหน็บที่เอวด้านขวา และถามตนว่า ใครว่าอะไร? พอเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย ลูกสาวของตนที่เห็นเหตุการณ์ จึงเข้ามาห้ามและแยกตนเข้าไปภายในบ้าน  หลังจากนั้น ก็ได้ทราบจากเพื่อนบ้านเช่นกันว่า ชายฉกรรจ์คนดังกล่าว หลังจากมาก่อเหตุที่บ้านของตนแล้ว ก็ได้นำปืนไปจ่อใส่สุนัขของเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงเช่นกัน

นายวสันต์  กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจอย่างมาก เพราะตนก็ไม่ทราบว่า หากเคยกระทำกับตนแบบนี้ ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวจะไปก่อเหตุที่อื่นอีกหรือไม่ ในส่วนตัวนั้น ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครและไม่ได้หวาดกลัวชายคนนี้ แต่อย่างใด แต่เนื่องจากมีเด็กเล็กในบ้าน จึงต้องระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งตนได้ให้ลูกสาวไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว