ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กับการแก้ปัญหารอบด้านในสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก และ ฟุตบอลทีมชาติไทย ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ต้องหยุดชะงัก รอรัฐบาลอนุมัตว่าจะให้กลับมาแข่งขันอย่างเป็นทางการได้เมื่อไหร่ ซึ่งในขั้นแรกกำหนดกลับมาแข่งขันกันใหม่ในเดือน กันยายน ปีนี้ และไปจบในเดือนพฤษภาคม ปี 2564

 

ล่าสุดได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่า กรณีที่ทางบริษัททรู วิชั่น อาจจะยกเลิกสนับสนุนงบประมาณในส่วนของลิขสิทธิ์การถ่ายสดฟุตบอลไทยลีก โดยเป็นการผิดสัญญาส่งผลให้เงินจำนวน 1,100 ล้านบาท จะต้องถูกตัดทอนลดลงไป เรื่องนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยอมรับว่า ทางบริษัททรู วิชั่น มีหนังสือถึงสมาคมฯจริง แต่ได้มีการเจรจากันอยู่เพราะที่ผ่านมาก็ได้มีการปรึกษาหารือถึงปัญหาการถ่ายทอดสดมาโดยตลอด โดยไม่เป็นความผิดของสมาคมฯ แต่เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ ที่กระจายไปทั่วโลก หากงบประมาณในส่วนนี้จะต้องถูกตัดทอนไปบ้างก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับทางรัฐบาลให้การแข่งขันกลับมาเร็วที่สุด อาจจะก่อนเดือนกันยายน ก็ได้

 

ส่วนเรื่องอคาเดมี่ ทางสมาคมเห็นด้วยที่จะให้มีขึ้นตามกลไกของฟุตบอลอาชีพ ในแนวคิดส่วนตัวขณะนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องการร่วมมือกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยเตรียมหารือกับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดการเรียน การสอน ในโรงเรียนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เพื่อสร้างทีมเด็กเล็กส่งแข่งขันรายการของกรมพลศึกษา และ รายการประจำปีของกรุงเทพมหานคร อย่างน้อยจะได้นักเตะฝีเท้าดีพัฒนาเข้าอคาเดมี่ และ สู่สโมสรอาชีพต่อไปในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการทำทีมระดับอาชีพทั่วโลก ซึ่งหลังจากจบปัญหาไวรัสโควิด – 19 น่าจะมีการปรึกษากับท่าน ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันที่มีกระแสข่าวว่า นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มจะเล่นการเมือง หากพ้นวาระในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ปีหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า ประเด็นแรก ผมไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หากผู้ที่เข้ามาเสนอตัวให้สโมสรสมาชิกเลือกเป็นนายกฯคนต่อไป เขาเป็นคนดี มีความมุ่งมั่นเข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอล ผมยินดีเปิดทางให้ด้วยความเต็มใจ และผมไม่ลงแข่งขันอีกด้วย แต่หากเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ เรื่องนี้ผมคงยอมไม่ได้ก็ต้องอยู่ที่เสียงของสโมสรสมาชิกว่าจะเลือกใคร ส่วนเรื่องที่ว่า ผมจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ ตอบได้เลยว่า “ไม่เด็ดขาด” เพราะก่อนหน้านี้สมัยที่เป็นตำรวจ ผมอยู่กับการเมืองมา 30 กว่าปี เห็นอะไรมาเยอะ ดังนั้นไมขอยุ่งการเมือง อย่างแน่นอน