วันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 06:39 น.

สัมภาษณ์

น้ำผึ้ง-จารุวรรณ โชติเทวัญ ผู้บริหาร หญิงแก่ง แห่งอณาจักร สหฟาร์ม

วันอังคาร ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566, 19.17 น.

 

 

เปิดใจคลื่นลูกใหม่สหฟาร์ม น้ำผึ้ง-จารุวรรณ โชติเทวัญ นักธุรกิจหญิงคนเก่ง ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ ยืนหนึ่งอุตฯ ส่งออกไก่สด ไก่แช่แข็งไทยหากพูดถึงแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมการส่งออกไก่สด ไก่แช่แข็ง ของเมืองไทยแล้ว คงไม่มีใครไม่นึกถึง สหฟาร์ม เจ้ายักษ์ใหญ่ผู้บุกเบิกตลาด ผู้ผลิตและส่งออกทั้งไก่สด ไก่แช่แข็งอันดับหนึ่งประเทศไทยในตอนนี้ โดยภายใต้การนำของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ พร้อมกับดร.มนูญศรี โชติเทวัญ ที่ยังคงคุมบังเหียนในการบริหารงาน อีกทั้งขณะนี้ยังได้เสริมทัพกำลังการบริหารงานจากผู้บริหารเน็กซ์เจน สหฟาร์ม ทำให้อณาจักรสหฟาร์มเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

 
นางสาวจารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายบัญชี การเงิน การตลาดต่างประเทศ และเลขานุการประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด เล่าให้ฟังถึงวิสัยทัศน์การรับไม้ต่อในการบริหารงานว่า “หลังจากน้ำผึ้งเรียนจบจากอังกฤษ ก็ได้เข้ามาช่วยงานที่สหฟาร์ม โดยเริ่มจากดูแลในด้านการเงิน และย้ายไปดูแลด้านการตลาดต่างประเทศ หลังจากนั้นก็ถูกโยกกลับมาดูแลด้านบัญชี การเงิน อีกครั้ง พร้อมกับเรียนรู้สายงานบริหารอื่นๆ ไปด้วย เนื่องจากน้ำผึ้งถูกปลูกฝังว่า ในฐานะที่เราทำธุรกิจเราจึงต้องรู้ทุกอย่างในองค์กร และล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา สหฟาร์มมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรใหญ่ คุณพ่อ (ดร.ปัญญา โชติเทวัญ) จึงให้ความไว้วางใจน้ำผึ้งเข้ามาดูแลงานบัญชี การเงิน และการตลาดต่างประเทศ อย่างเต็มตัว พร้อมกับดูแลภาพรวมบริษัทฯ”
 
 
 
 
 
น้ำผึ้ง เติบโตและโดนโคลนนิงจาก คุณพ่อ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ และคุณแม่ ดร.มนูญศรี โชติเทวัญ ตั้งแต่เด็กว่าจะต้องกลับมาช่วยสืบสานธุรกิจและบริหารสหฟาร์มหลังเรียนจบ จึงมีเป้าหมายและความฝันเพียงอย่างเดียวมาตลอดในเรื่องของการทำงานที่เราอยากเป็น Successful business women เพราะเราเห็นคุณพ่อและคุณแม่เป็น Role Model ในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ถึงแม้สหฟาร์มจะผ่านวิกฤติใหญ่มาหลายครั้ง แต่ก็สามารถกลับมายืนหยัดได้ ซึ่งคุณพ่อก็จะสอนเสมอว่าอย่ากลัว ‘ปัญหา’ เพราะปัญหา จะทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้ และเติบโต และน้ำผึ้งเชื่อว่าคนเราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา องค์กรก็เช่นกัน เพื่อก้าวให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลง เราต้องพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ อย่างในปีที่ผ่านมา สหฟาร์มเองก็มีการปรับปรุงองค์กร เปลี่ยนนโยบาย ปรับสูตรการเลี้ยงไก่ ปรับปรุงโรงงาน วิธีขาย ตลอดจนการดูแลลูกค้า ทำให้ในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนบริษัทสามารถทำยอดส่งออกเติบโตเพิ่มถึง 40% ซึ่งถือว่าเป็นความร่วมมือของทุกคนในองค์กร ที่พร้อมใจผลักดันให้สหฟาร์มกลับมายืนหนึ่งอย่างสง่างาม และทั้งหมดนี้น้ำผึ้งได้เรียนรู้การทำงานกับคุณพ่ออย่างใกล้ชิด ทั้งด้านวิสัยทัศน์และมุมมองต่างๆ รวมถึงวิธีแก้ปัญหาที่สามารถฝ่าวิกฤติต่างๆ มาได้ พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เราในฐานะทายาทที่เข้ามารับสานต่อวิสัยทัศน์จึงไม่มีข้อกังขาใดๆ และพร้อมจะสืบทอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
 
 
นอกจากการบริหารงานอย่างเต็มกำลังแล้ว น้ำผึ้ง - จารุวรรณ โชติเทวัญ ยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในการเป็นคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น ให้แข็งแกร่งและให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เธอเล่าว่าว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะด้วยงานที่ล้นถาโถมและต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องใช้วิธีการจัดสรรเวลา ลำดับความสำคัญต่างๆ ให้ถูกต้องเพื่ออนาคตของลูก
 
 
 
 
 
น้ำผึ้งมองว่าเวลาคือสิ่งสำคัญ และทุกคนมีเท่ากัน จึงอยากใช้ทุกโอกาสที่มีทำให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพราะลูกคือของขวัญ และสมบัติอันล้ำค่า ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ ที่ทำก็ต้องสามารถเชื่อมต่อความรักความเข้าใจของครอบครัวได้   สำหรับตัวน้ำผึ้งเองนั้น เป็นคนคิดบวก อย่างก่อนหน้านี้ที่ส่งลูกไปร่วมทำกิจกรรม ISV Club  จิตอาสาของค่ายเสถียรธรรมสถาน ก็มีสิ่งหนึ่งที่เราสองคนได้กลับมาคือคำตอบในใจของแม่ลูกที่มีเหมือนกัน เช่น ที่ค่ายก็มีคำถามกลับมาเป็นการบ้านให้เราในฐานะที่เราเป็นแม่ ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงเพื่อลูกได้คืออะไร ซึ่งน้ำผึ้งได้ทบทวนและมีคำตอบในใจ ว่าเราควรมีเวลาให้ลูก และพอกลับมาถึงบ้านน้ำผึ้งก็ลองถามลูกสาว "ญาร่า" ว่า แม่ต้องปรับปรุงอะไรเพื่อลูก และสิ่งที่ลูกบอกกลับมาคือ ต้องการเวลาจากเรา จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเราสองคนแม่ลูกคิดตรงกัน และพร้อมจะปรับเข้าหาลูก นอกจากนี้ก็จะเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และรู้จักเอาตัวรอด ส่วนอนาคต หากลูกเขามีความฝันอยากทำอะไร น้ำผึ้งก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ อาจจะไม่ต้องเดินรอยตามน้ำผึ้งก็ได้ เราให้อิสระลูกเสมอ
 
 
 
ทั้งนี้ สหฟาร์ม ถือเป็นแบรนด์คนไทยที่เติบโตและเป็นที่รู้จักทั่วโลก ด้วยสองมือ ของดร.ปัญญา โชติเทวัญ และถูกส่งต่อการดำเนินงานมาอีกเจนเนอร์เรชัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณภาพ มาตรฐานสินค้า และความปลอดภัย ที่ผู้บริโภคสามารถวางใจได้ โดยปัจจุบัน สหฟาร์มไม่เพียงแต่ส่งออกเท่านั้น แต่ยังเริ่มมีการขายส่งและขายปลีกภายในประเทศ พร้อมจัดทำโปรโมชั่นสินค้าสหฟาร์ม ในช่วงทุกเทศกาล
 
 
 
 
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ “พอลดีย์” มาจากการที่เราเห็น Pain Point ของผู้บริโภคในช่วงวิกฤติโควิด -19 ทั้งเรื่องสุขภาพ และการเดินทาง จึงคิดว่าน่าจะนำผลิตภัณฑ์ไก่และไข่ของสหฟาร์ม ที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการส่งออกทั่วโลก มาให้ผู้บริโภคคนไทยได้เข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพ พร้อมวางขายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีบริการดิลิเวอรี่ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี จึงได้มีการเพิ่มช่องทางมาวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งในอนาคตก็มีแผนส่งออกไปขายในต่างประเทศ
 
 
“พอลดีย์  (Pauldy) ชื่อนี้นอกจากจะออกเสียงคล้ายๆ กับคำว่า พอดี ซึ่งน้ำผึ้งบอกว่าเป็นความตั้งใจ เพราะนึกถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อของคุณพ่อ-ดร.ปัญญา ที่พอเขียนเป็นตัวย่อจะมีอักษร P และ Y"
 
 
 
 
พอลดีย์ คือหนึ่งในแบรนด์อาหารคุณภาพแห่งอนาคตที่ สด สะอาด ปลอดภัย จากฟาร์มไก่ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยทีมสัตวแพทย์และสัตวบาล ที่ดูแลสุขภาพไก่อย่างสม่ำเสมอ พร้อมโรงเรือนระบบ compartmentalization ฟาร์มอันกว้างขวาง ห่างไกลผู้คน ห่างชุมชน อยู่ในหุบเขา เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิด ทั้งยังมีการควบคุมอุณหภูมิและควบคุมการหมุนเวียนของอากาศ ทำให้ไก่ อยู่อย่างมีความสุข เหมือนอยู่ในห้องแอร์ มีพื้นที่ นอน กลิ้ง วิ่งเล่น ได้เพลิดเพลินตามสัญชาตญาณอย่างเต็มที่ และด้วยความเป็นฟาร์มไก่ อาร์มดี พอลดีย์จึงเปิดเพลงคลาสสิกให้ไก่ฟังทุกวัน อีกทั้งยังเลี้ยงไก่ด้วยธัญพืช แบบ vegetarian feed โดยมีนักวิชาการ คอยดูแลโภชนาการให้เค้าได้รับสารอาหารครบถ้วน ด้วยวิธีการเหล่านี้จึงทำให้ไก่พอลดีย์เจริญเติบโตดี มีสุขภาพแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือสารเร่งการเจริญเติบโตหรือโกรธฮอร์โมน หรือจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย ถือเป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์แบรนด์ไก่คุณภาพชั้นเลิศ ไก่อารมณ์ดี ยูริกต่ำ เหมาะสำหรับอาหารแห่งอนาคต  เพื่อสุขภาพที่ดี และยืนยาวของทุกคน