วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 01:25 น.

การเมือง

สื่อกัมพูชาทำรายงานระบุ  "ทูต EU-อินโด จี้ ASEAN สร้างกลไกแก้ขัดแย้งชายแดนไทย

วันพุธ ที่ 04 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 15.39 น.

หลังเหตุปะทะรุนแรงระหว่างกองทัพไทย–กัมพูชาบริเวณชายแดนมอมเบย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย นักการทูตระดับสูงจากสหภาพยุโรป (EU) และอินโดนีเซีย ได้ออกมาเรียกร้องให้อาเซียนเร่งพัฒนากลไกการจัดการข้อพิพาทภายในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิกลุกลามในอนาคต

แม้ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นผู้เริ่มการยิง แต่ทางกัมพูชายืนยันว่าจุดปะทะอยู่ในพื้นที่ควบคุมของตน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสอบสวนเหตุการณ์อย่างรอบด้าน ขณะเดียวกัน สมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศจะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยไม่ต้องรอความยินยอมจากไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภา

สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี ยังเตือนว่า หากไม่สามารถแก้ปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี อาจนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงคล้าย “ฉนวนกาซา” ซึ่งเผชิญความขัดแย้งยืดเยื้อ

มุมมองจากสหภาพยุโรป: บทเรียนจากการรวมกลุ่มเพื่อสันติ
อิกอร์ เดรสแมนส์ เอกอัครราชทูต EU ประจำกัมพูชา แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตของทหารกัมพูชา พร้อมชื่นชมการลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นโดยทันทีระหว่างสองประเทศ โดยเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาเร่งเจรจาทวิภาคีเรื่องการปักปันเขตแดน และเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกัน

“เราไม่ได้นำเสนอ EU เป็นแบบอย่างให้อาเซียน แต่ขอนำเสนอประสบการณ์ของเราว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเมืองสามารถนำไปสู่สันติภาพระยะยาวได้”

เขาย้ำว่า สหภาพยุโรปสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ตลอด 75 ปี โดยไม่มีประเทศสมาชิกทำสงครามกัน และเชื่อมั่นว่าอาเซียนก็สามารถเดินบนเส้นทางเดียวกันได้เช่นกัน

“แม้ไทยและกัมพูชาจะมีอดีตที่ยากลำบากเหมือนกับหลายประเทศใน EU แต่ทั้งสองประเทศต่างมีเป้าหมายร่วมคือสันติภาพ ความเจริญ และการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ”

เดรสแมนส์ระบุว่า EU สนับสนุนการรวมกลุ่มของอาเซียนทั้งในมิติการค้าและอธิปไตย พร้อมเดินหน้าความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ EU–อาเซียนต่อไป

มุมมองจากอินโดนีเซีย: ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของอาเซียน
ด้าน ซานโต ดาร์โมซูมาร์โต เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำกัมพูชา กล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Khmer Times ว่า ความท้าทายของอาเซียนควรได้รับการแก้ไขด้วยแนวทางสันติและสร้างสรรค์ โดยอาศัยภูมิปัญญาของภูมิภาค

“ในฐานะครอบครัวอาเซียน เราสามารถร่วมกันรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญของภูมิภาคไว้ได้ แม้ต้องเผชิญปัญหาเฉพาะตัวของแต่ละประเทศก็ตาม”

เขาเตือนว่าแม้แนวทางสันติจะเป็นหลักสำคัญ แต่ไม่สามารถใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดียวกันกับทุกสถานการณ์ได้ พร้อมอ้างคำพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ว่า “ภูมิปัญญาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงพอที่จะช่วยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนแก้ปัญหาความมั่นคงร่วมกันได้”

ฉากหลัง: ประวัติความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา
ก่อนเหตุการณ์ล่าสุด ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชามีจุดศูนย์กลางที่ กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่บริเวณชายแดนที่มีข้อพิพาท

การปะทะระหว่างปี 2551–2554
ปี 2551: เกิดการปะทะต่อเนื่องระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย

ปี 2553–2554: สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นใช้ปืนใหญ่ โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2554 มีการสู้รบหนัก ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ

บทบาทของศาล ICJ
ปี 2554: ศาล ICJ มีคำสั่งให้ถอนทหารจากเขตปลอดทหารโดยรอบปราสาทพระวิหาร

ปี 2556: ICJ วินิจฉัยให้พื้นที่โดยรอบปราสาทเป็นของกัมพูชา ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างมาก

สถานการณ์ชายแดนในปัจจุบัน
แม้ยังมีเหตุการณ์เล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่ภาพรวมของชายแดนไทย–กัมพูชาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาถือว่า “สงบ” อย่างต่อเนื่อง

ที่มา: สำนักข่าว Khmer Times
 

หน้าแรก » การเมือง