เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568    นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ยนักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊คว่า 

 ขณะนี้ประเทศไทยกําลังเผชิญวิกฤตหลากหลายด้าน ทั้งปัญหาเรื่องความมั่นคงบริเวณชายแดนรอบด้าน ทั้งบริเวณชายแดนพม่า กัมพูชา และความรุนแรงบริเวณจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาเศรษฐกิจตกตํ่าที่กระจายตัวและลงลึกในทุกระดับ รวมทั้งปัญหาคอรัปชั่นจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สมคบกับทุนสีเทาและสีดําจากต่างชาติ พรบ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 3/1 กําหนดว่า การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ 

แสดงให้เห็นว่ากฎหมายกําหนดการปรับเปลี่ยนหรือแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อทํางานบริหารราชการแผ่นดิน นายกรัฐมนตรี ต้องคํานึงถึงความรู้ ความสามารถและประสิทธิภาพในการทํางาน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสําคัญ หาใช่แต่งตั้งหรือปรับเปลี่ยนเพื่อตอบแทนผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อวางหมากเกมในการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งก็มักจะได้คนที่ไร้ความรู้ความสามารถ หรือมีความรู้ความสามารถ ไม่ตรงกับตําแหนงที่ได้รับ หรือแม้กระทั่งได้คนที่มีข้อครหาถึงความโปร่งใสในการทํางาน ทําให้สุดท้ายแล้วผู้ที่เสียประโยชน์ก็คือประเทศชาติและประชาชน
 
แม้ผมจะรู้ว่าเป็นไปได้ยาก แต่ในฐานะคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับท่านนายกฯ ผมขอให้ท่านนายกแต่งตั้งหรือปรับเปลี่ยนตําแหน่งรัฐมนตรี โดยคํานึงถึงความรู้ความสามารถ รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนนอกที่มีความสามารถ และมีจิตสาธารณะ ทําเพื่อส่วนรวม และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 
 
ทั้งนี้ก็เพื่อรับมือกับวิกฤติต่างๆ ที่กําลังถ่าโถมประเทศไทยอยู่ ตามที่ผมได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น แทนที่จะแต่งตั้งปรับเปลี่ยนเพื่อชิงไหวชิงพริบหรือเล่นเกมการเมือง เพราะมิเช่นนั้น ผู้ที่ต้องทนทุกข์จากเกมการเมืองเหล่านี้คือประชาชนคนไทยทั้งประเทศนั่นเอง ด้วยความปรารถนาดี