‘ประเสริฐ’ ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือ ‘มทส.-อินเทอร์เน็ตประเทศไทย’ ขับเคลื่อน ‘โคราช’ สู่ ‘มหานครดิจิทัล’ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพคน สร้างนวัตกรรมใหม่ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลยั่งยืน 

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในการร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ว่าพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิชาการและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนากำลังคนดิจิทัลและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างมั่นคงและยั่งยืนพิธีดังกล่าวจัดขึ้นโดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) นายอัฐฐเสฏฐ จุลเสฏฐพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ผู้บริหาร คณาจารย์ แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน
 
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการกับภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล รวมทั้งนโยบายสำคัญของรัฐบาล ได้แก่ Cloud First Policy และการขับเคลื่อน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการ National AI Committee เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มั่นคง ยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
 
ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านโครงการ Digital Korat มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมายยกระดับเมืองโคราชให้เป็นเมือง เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และผลักดันให้โคราชเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลและประตูสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป
 
“ผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพนักศึกษา การสร้างนวัตกรรมใหม่ และการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความมั่นคงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างศักยภาพให้กับเยาวชนไทยรุ่นใหม่ ให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีดีดี กล่าว