กิจกรรม
พระราชวิสุทธิเวที ชี้ "ชีวิตก็เท่านี้"
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

พระราชวิสุทธิเวที ชี้ "ชีวิตก็เท่านี้"
ชีวิตของคนเราแต่ละคนแตกต่างกัน ยากดี มีจน ต่างก็ต้องดิ้นรนให้พ้นจากความทุกข์ และสุดท้ายของชีวิตก็ย่อมไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน พระราชวิสุทธิเวที วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ได้เมตตามาแสดงธรรมบรรยายในหัวข้อ “ชีวิตก็เท่านี้” บนเวที เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ โดยพุทธปัญญาชมรม บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่
พระราชวิสุทธิเวทีเริ่มกล่าวว่า ชีวิตก็เท่านี้มันวัดเป็นอะไรได้บ้าง เป็นน้ำหนัก เป็นความยาว หรือเป็นอะไร วันนี้เรามาเรียนรู้เรื่องขอชีวิต เพราะชีวิตนั้นมีความสำคัญ ชีวิตก็เท่านี้ มีความหมายอย่างไร นึกถึงกลอนบทหนึ่ง “อันชีวิตคนเราก็เท่านี้ จนหรือมีคนเราก็เท่านั้น วาสนาคนเราไม่เท่ากัน อันความตายเท่านั้นที่เท่าเทียม” กลอนบทนี้ให้อะไรเรา ให้ความรู้เราในเรื่องของชีวิตคนเรา มันเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ว่ายากดีมีจน ท้ายที่สุดเท่าเทียมกันคือความตาย
ท่านอธิบายว่าแท้ที่จริง ชีวิตกับความตาย เป็นของคู่กัน ชีวิตคือการเป็นอยู่ การมีลมหายใจคือยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิตคือ มรณะ หรือความตาย เพราะฉะนั้นในชีวิตที่เรามีอยู่ หากเราใช้ชีวิตไปในแนวทางที่ถูกต้อง ชีวิตก็มีค่า ชีวิตก็มีประโยชน์ แต่ถ้าเราใช้ชีวิตในทางที่ไม่ถูกต้อง ไร้คุณค่า ไร้ประโยชน์ ชีวิตก็สูญเปล่า การได้เรียนรู้จากชีวิต จะทำให้เรารู้จักบริหารชีวิตได้ถูกต้อง แทบจะเรียกว่าทั้งหมด ประสงค์ที่จะให้เรารู้จัก เข้าใจชีวิต เพื่อให้เราดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท คำสอนบทหนึ่งที่เราได้ยินประจำ คือ ปัจฉิมโอวาท ที่ว่า “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด” เป็นการเตือนชาวโลกให้รู้ว่าสังขารท้ายที่สุด ก็เสื่อมสลาย ย่อมแตกดับ เพราะฉะนั้น ต้องอย่าประมาท สรรพสิ่งอยู่แค่วิบัติ สรรพสัตว์อยู่แค่ตาย สูทั้งหลายอย่าประมาท พระพุทธเจ้าสอนเตือนสติเตือนใจให้รู้จักชีวิตว่าเราจะไม่ประมาท
ชีวิตเราก็เท่านี้ มีจุดหมายปลายทางอย่างเดียวกัน ทุกคนล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า จุดหมายปลายทางของคนเราอยู่ที่ไหน สุขอยู่ที่ความพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ด้วยยศ ด้วยตำแหน่ง แต่ปลายทางชีวิตที่แท้จริงคือ มรณะ ความตาย เราทุกคนเริ่มเดินทางแล้ว การเดินทางของเราคือการเดินทางชีวิต การเดินทางของเราเห็นอุปสรรค ปัญหาต่างๆ จะเดินทางไปไหนมีอุปสรรค เราสามารถระงับการเดินทาง ถนนไม่ดีเปลี่ยนเส้นทางได้ แต่ชีวิตคนเรา เกิดมาแล้ว หยุดไม่ได้ ต้องเดินทางตลอดไป นี่คือเรื่องชีวิตที่เราควรทำความรู้จัก
หากจะพูดถึงลักษณะของชีวิต ประเด็นหนึ่ง เพื่อให้รู้ความจริงของชีวิต อีกประเด็นหนึ่งคือ เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องคือดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ความจริงของชีวิตที่ควรจะรู้ ควรกำหนด
หลวงพ่อกล่าวว่า พระพุทธเจ้าตรัสถึงลักษณะชีวิตของสัตว์โลกอย่างน้อยมี 5 ลักษณะ ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีนิมิตหมาย ไม่มีใครรู้ได้ ลำบาก สั้นและประกอบไปด้วยทุกข์
ประการแรก ชีวิตคนเราไม่มีนิมิตหมายไม่มีสัญญาณเตือนภัย อาหารเครื่องบริโภค เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ส่วนมากมีวันหมดอายุ แต่ชีวิตคนเราไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีสัญญาณเตือนภัยว่าจะหมดอายุเมื่อไหร่ ไม่มีนิมิตหมาย ไม่สามารถที่จะกำหนดได้ เมื่อปี 2563 โควิด – 19 ระบาดใหม่ มีลูกสาวเศรษฐีชาวโปรตุเกส ได้โพสข้อความถึงพ่อของตัวเองว่า มีเงินอยู่เต็มบ้าน แต่ตายเพราะโควิด ทุกคนต้องกำหนด และมีความระวังอย่าประมาท
ประการที่สอง ไม่มีใครรู้ ใครจะรู้ได้ว่าชีวิตเราจะแตกดับวันไหน เมื่อไหร่ พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีสิ่งลึกลับอยู่ 5 อย่างที่มนุษย์ไม่สามารถรู้ได้ สภาวะธรรม 5 อย่าง คือชีวิตความเป็นอยู่ ความเจ็บไข้ได้ป่วย กาลเวลาที่จะตาย สถานที่ที่จะตาย และสถานที่ที่จะไปเกิด จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไหน ไม่มีใครรู้ เกิดที่บ้าน ตายกลางถนนก็ได้ เกิดที่บ้านตายที่โรงพยาบาลก็ได้ เกิดที่โรงพยาบาลตายที่บ้านก็ได้ ดังพระราชนิพนธิ์ในรัชกาลที่ 5 ที่ว่า
“เห็นหน้ากันเมื่อเช้า สายตาย
สายสุขอยู่สบาย บ่ายม้วย
บ่ายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ ชีพนา
เย็นอยู่หยอกลูกด้วย ค่ำม้วยดับสูญ”
ประการที่สาม ลำบาก การที่คนเราจะเกิดมาเป็นคนได้ก็ยากแล้ว การได้ความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก เราอาจจะมองว่าคนในโลกเกิดมากว่าเจ็ดพันล้านคน มันจะยากตรงไหน แต่ถ้ามองถึงสัตว์เดรัจฉาน มีมากมายแค่ไหนเพียงไร ฝุ่นที่ปลายเล็บ กับฝุ่นบนปฐพี สิ่งใดมีมากกว่ากัน ก็เปรียบเหมือนสัตว์โลกที่เกิดมาเป็นมนุษย์ หรือเกิดในสุคติภูมิ มีจำนวนเท่ากับฝุ่นบนปลายเล็บ ส่วนสัตว์โลกที่เกิดในทุคติภูมิ มีจำนวนเท่ากับฝุ่นบนผืนปฐพี การที่เราท่านทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่โชคช่วย แต่เป็นเพราะบารมีที่สั่งสมมาจึงทำให้เราเกิดในมนุษยโลก เป็นบุญที่ทำให้เราได้มีโอกาสสั่งสมบารมี หรือแม้แต่คนที่เกิดมามีอายุยืนยาวก็ต้องผ่านการอบรมเลี้ยงดู ใช้ชีวิตมาก็ลำบาก
ประการที่สี่ สั้น ชีวิตของคนเราสั้น เฉลี่ยอายุคนเราไม่เกินร้อยปี เพราะฉะนั้นชีวิตคนเรามันสั้น ในเมื่อชีวิตคนเราสั้น ก็ต้องพยายามดูแลรักษาชีวิตอันสั้นนี้ อย่างมีคุณค่า อย่างมีประโยชน์ เพราะถ้าเราใช้อย่างไม่มีประโยชน์แล้ว ชีวิตนี้ก็ไร้ค่า ทุกคนต้องพยายามทำหน้าของเราในแต่ละวัน ถ้าหากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเราจะทำอะไรบ้าง หากคนที่มีสติมีจิตสำนึกก็จะมองในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หน้าที่หรือภาระต่างๆที่ยังบกพร่องอยู่ เราก็อยากทำให้สมบูรณ์ ยกเว้นคนที่ไร้จิตสำนึก ก็ใช้ชีวิตสนุกสนาน อยู่ในความประมาท พระพุทธเจ้าเคยตรัสถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า สมมติว่าถ้ามีเจ้าหน้าที่ที่พระองค์ไว้ใจมากมาจากทิศทั้ง 4 มากราบทูลให้ทรงทราบว่าขณะนี้มีมหันตภัยใหญ่ที่คืบคลานมา คือภูเขาใหญ่ที่กำลังกลิ้งเข้ามา เป็นภัยธรรมชาติที่เข้ามาจากทุกทิศ และต้องสวรรคตแน่ๆ พระองค์จะทำอะไรในความที่เป็นมนุษย์ พระเจ้าปเสนทิโกสลก็ทูลว่าข้าพระองค์ไม่มีอะไรที่จะกระทำนอกจากสร้างกุศล คุณงามความดี ในช่วงชีวิตเราใครคิดว่า ถ้าก่อนหน้านั้นรู้ว่าจะมีการปิดประเทศ เครื่องบินจะไม่บิน คงมีคนพูดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่มันก็เกิดขึ้น คนก็ล้มหายตายจากไป เห็นคนตายปุ๊ปก็ขึ้นเมรุเผาทันที นี่คือชีวิตมันสั้น ทุกคนก็อย่าประมาท
หลวงพ่อกล่าวถึงประการสุดท้ายว่า ชีวิตเราประกอบไปด้วยความทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนให้เรามองทุกข์ ชีวิตคนเรากลัวความทุกข์ อยากได้ความสุข เราไม่รู้จักทุกข์ เราจะหนีทุกข์ได้ยังไง เราไม่รู้จักความสุข เราจะหาความสุขได้ยังไง เราต้องรู้จักก่อนว่าสิ่งใดที่เป็นความทุกข์ เราจะได้หนีได้ ป้องกันได้ ด้วยจิตสอนให้เรารู้เรื่องทุกข์ ชีวิตเราประกอบไปด้วยความทุกข์ทุกสิ่ง ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ เพราะชีวิตคือขันธ์ 5 นี่เอง เป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์ เพราะฉะนั้นหลักของ อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องทุกข์ที่หลากหลายในหลักของอริยสัจ การเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ความชราก็เป็นทุกข์ความตายก็เป็นทุกข์ ความโศก ความพิลัยรำพัน ความทุกข์กายทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ การพบกันอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ได้รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพราก จากสิ่งที่รักทั้งหลาย ก็เป็นทุกข์ปรารถนาสิ่งใดแล้ว ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่อแล้ว อุปาทาน หรือความยึดมั่นในขันธ์ห้า (ตัวเรา) ล้วนเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นชีวิตจึงประกอบไปด้วยความทุกข์ เพราะฉะนั้นเรื่องความทุกข์ถือเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรกำหนดรู้
วิธีปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกข์นั้นเป็นปริญญา ธรรมเป็นสิ่งที่จะต้องกำหนดรู้ เรื่องทุกข์เป็นเรื่องกำหนดรู้ เกิดแก่เจ็บตายพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไปมีความรู้สึก ที่บอกว่าทุกข์สำหรับรู้ไม่ใช่สำหรับเป็น
ท่านยกตัวอย่างเรื่องของนางกีสาโคตมีสูญเสียลูกชาย ลูกชายกำลังน่ารักทำใจไม่ได้อุ้มศพลูกชายไปหาหมอคนนั้นหมอคนนี้เพื่อให้ชุบชีวิตลูกชาย ถึงเค้าบอกว่าไม่มีใครสามารถที่ชุบชีวิตคนที่ตายไปได้ เธอลองนำไปหาสมณโคดมดูซิ นางกีสาโคตมีก็อุ้มศพลูกชายนั้นไปหาพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าแทนที่จะตัดรอนปฏิเสธ ก็พูดให้ความหวังว่าสามารถที่จะชุบชีวิตลูกชายเธอได้แต่เธอต้องไปหายามาก่อน ยาที่ว่านี้ก็คือเมล็ดพันธุ์ผักกาด ไปขอเมล็ดพันธุผักกาดมาแต่มีเงื่อนไงว่าต้องขอในบ้านของคนที่ไม่มีคนตาย นางกีสาโคตมีก็ไปขอบ้านที่เค้าให้พอให้เสร็จรับมาถามว่ามีคนตายไหม (มี) บ้านนี้ก็มีบ้านนั้นก็มีบ้างแห่งไปเจอในขณะที่ยังมีคนตายมีคนเศร้าโศกเสียใจหนักกว่าตัวเอง นางกีสาโคตมีก็เข้าใจสิ่งที่สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้นัยยะว่า ที่พระองค์ให้มาหาในบ้านของคนที่ไม่มีคนตายนั้นไม่มี บ้านนั้นก็มีคนตาย บ้านนี้ก็มีคนตาย บางบ้านมีความเศร้าโศกเสียใจมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำไป ไม่ใช่เราเท่านั้นที่สูญเสียไม่ใช่ลูกเราเท่านั้นที่ตาย ลูกคนอื่นก็ตายเช่นเดียวกัน เข้าใจชีวิต มองเห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดาเอาศพลูกชายทิ้งในป่าช้าแล้วบวชเป็นภิกษุณี และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
หลวงพ่อได้สรุปลักษณะทั้ง 5 ประการนี้เป็นลักษณะของความจริงของชีวิตที่เราทุกคนต้องรับรู้เพื่อให้เราทุกคนนั้นไม่ประมาท ชีวิตเราไม่มีเครื่องหมายรู้ไม่ได้แล้ว มันสั้น มันลำบากและประกอบด้วยความทุกข์ คนที่ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทจะทำให้ชีวิตนั้นมีคุณค่ามีประโยชน์ ด้วย ทาน ศีล ภาวนา และสุดท้ายต้องมีสติ สติคือตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คนเราจะตั้งอยู่ในความไม่ประมาทได้ ต้องมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ชีวิตแค่นี้แหละ เท่านี้แหละ วันหนึ่งต้องแตกดับ เราไปสู่ที่เดียวกันจุดหมายปลายทางคือพญามัจจุราช เพราะฉะนั้นหัวข้อที่ว่า “ชีวิตก็เท่านี้” คือสุดท้ายมันก็ไปที่เดียวกันทั้งสิ้น
พบกับกิจกรรมเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00-13:30 น. ผ่านช่องทาง facebook fanpage CPALL หรือสามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่องทางเดียวกัน พร้อมรับฟังคติธรรมดี ๆ ในช่องทาง TikTok ได้ที่ ธรรมะ TikTok
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » กิจกรรม
ข่าวในหมวดกิจกรรม ![]()
ซีพีเอฟอยู่เคียงข้างทุกวิกฤต ร่วมกับโรงครัวซีพีอาสา เร่งช่วยชาวปางอุ๋ง อ.แม่แจ่ม 21:18 น.
- เอปสัน เปิดตัวแคมเปญซีเอสอาร์ประจำปี “วิถีไทยไร้พลาสติก” 21:47 น.
- “รักษ์ลำน้ำมูล” ซีพีเอฟ จับมือชาวโคราช ปลุกพลังรักษ์ป่า ปั้นเยาวชนเป็น “นักสืบสายน้ำ” 20:57 น.
- เซเว่นฯ จับมือมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ออกหน่วยทำหมันสุนัข-แมวจรจัด ลดปัญหาประชากรสัตว์ในชุมชน 09:28 น.
- SJM จัดแสดงนิทรรศการปิกัสโซ “Picasso: Beauty and Drama” เป็นครั้งแรกของโลก 17:19 น.