วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:36 น.

ยานยนต์

โฟตอนเปิดตัวรถ "ออมาร์ค" และ "วันเดอร์" โฉมใหม่

วันพุธ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 22.05 น.

โฟตอนเปิดตัวรถ "ออมาร์ค" และ "วันเดอร์" โฉมใหม่


โฟตอน (FOTON) เปิดตัวรถรุ่นออมาร์ค (AUMARK) และวันเดอร์ (WONDER) โฉมใหม่ทั้งคันที่ฉางชา ประเทศจีน ตั้งเป้าบุกทั้งตลาดการขนส่งในเมืองและการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าจนถึงมือผู้รับ (last-mile logistics)


รถบรรทุกออมาร์คโฉมใหม่ถูกพัฒนาขึ้นบน "แพลตฟอร์มรองรับพลังงานหลายรูปแบบ" ซึ่งช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รถไฮบริด รถพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ และรถใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน สามารถทำได้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน


ในแง่ของความน่าเชื่อถือ ออมาร์คโฉมใหม่ผลิตที่โรงงานโฟตอน อินเทลลิเจนท์ ซูเปอร์ ทรัก (FOTON Intelligent Super Truck Factory) ซึ่งมีระบบเชื่อมอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และใช้เทคโนโลยีการเคลือบโพลียูเรียสเปรย์ที่ช่วยเพิ่มความต้านทานสนิมได้ถึง 50% นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังผ่านการทดสอบให้วิ่งบนถนนในสภาพการใช้งานจริงได้มากกว่า 3 ล้านกิโลเมตรโดยที่ส่วนประกอบหลักทนทานต่อการทดสอบบนแท่นทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ได้ถึง 12,000 ชั่วโมง


ในด้านประสิทธิภาพ ด้วยเหตุที่ "แพลตฟอร์มรองรับพลังงานหลายรูปแบบ" ของโฟตอนได้รับการออกแบบมาสำหรับ "รถบรรทุกแห่งอนาคต" การพัฒนาระบบส่งกำลัง แบตเตอรี่ และระบบกันสะเทือนแบบโมดูลาร์และบูรณาการในเชิงลึกทำให้มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสอดคล้องตรงกัน เช่น รุ่นเกียร์ออโตของรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประกอบด้วย FotonSuperPowerTrain ซึ่งเป็นระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรลแรงดันสูง 2,000 บาร์ ใช้เทคโนโลยีการเผาไหม้แบบตีเกลียวคู่เป็นชั้น (dual swirl layer combustion) ได้ประสิทธิภาพการส่งพลังงาน 99.7%


รุ่นใช้พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ชาร์จได้รวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง สามารถทำงานได้ประสิทธิภาพสูงโดยสิ้นเปลืองพลังงาน 32 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ 100 กม. รุ่นไฮบริดติดตั้งระบบเครื่องยนต์คู่อัจฉริยะของโฟตอน สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ในขณะที่รุ่นเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนใช้ระบบไฮโดรเจนที่เป็นนวัตกรรมของโฟตอน ใช้เวลาเติมเชื้อเพลิง 5 นาทีรถสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นระยะทาง 450 กิโลเมตร


ในด้านความปลอดภัย รถรุ่นออมาร์คใหม่มาพร้อมกับระบบจัดการอัจฉริยะ i-ADAS ซึ่งมีการเสริมมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทั้งมาตรการเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (active safety) และมาตรการเชิงปกป้องหลังเกิดเหตุ (passive safety) เป็นไปตามมาตรฐาน ECE-R29 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยจากการชน (safety collision standards) ของยุโรป