วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 04:52 น.

กทม-สาธารณสุข

โฮมแฮงเบิ่งแญงสุขภาวะชู 4 นวัตกรรมเพื่อสุขภาพประชาชนยั่งยืน

วันจันทร์ ที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 14.08 น.

สสส.-มข.สานพลังภาคีสุขภาวะภาคอีสานจัดเวทีโชว์ แชร์ เชื่อม “มหกรรมไทอีสานสานสุข โฮมแฮงเบิ่งแญงสุขภาวะ”ชูนวัตกรรม 4 ประเด็นนำร่อง เกษตรอินทรีย์-ผู้สูงอายุ เด็ก-เยาวชน-จัดการขยะ ผนึกกำลังเครือข่ายขับเคลื่อนงานสร้างสุขภาพเพื่อประชาชนอย่างยั่งยืน

ที่ ม.ขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ร่วมกับ ศูนย์ประชาสังคมและการจัดการองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ (ศปส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และภาคีเครือข่ายภาคอีสาน จัดงานวิชาการ และเชื่อมประสานภาคีเครือข่ายสุขภาวะภาคอีสาน เวทีโชว์ แชร์ เชื่อม “มหกรรมไทอีสานสานสุข : โฮมแฮงเบิ่งแญงสุขภาวะ” รูปแบบ Hybrid ทั้ง Onsite และ Online ในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ 20 จังหวัด มีผู้เข้าร่วมจำนวน 2,000 คน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.66 โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุลอธิการบดี ม.ขอนแก่นพร้อมด้วยดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสสส. ศ.ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิง ผอ.ศูนย์ประชาสังคมและการจัดการองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ เข้าร่วม

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่4 ประเด็นนำร่อง 1. การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ 2. การพัฒนา และดูแลผู้สูงอายุ 3. เด็กและเยาวชน 4. การจัดการขยะ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของไทยรวมไปถึงการเชื่อมภาคีเครือข่ายที่ขับเคลื่อนงานสุขภาวะในพื้นที่ เอื้อให้เกิดการแก้ไขปัญหาสุขภาวะทางสังคมร่วมกันอย่างมีพลัง โดยใช้เครื่องมือ Platform Online ไทอีสาน ควบคู่กับเวที Offline เผยแพร่นวัตกรรมองค์ความรู้งานสร้างเสริมสุขภาพ ใช้กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม พัฒนาสื่อเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพสู่สาธารณะ รวมทั้งเสริมแรง สร้างพลังภาคีเครือข่าย ให้สามารถปรับพฤติกรรมและสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ นับเป็นขบวนการขับเคลื่อนสังคม (Civil Society) ที่มีพลังหนุนเสริมการแก้ไขปัญหาสุขภาวะอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กล่าวว่า21 ปี ที่ผ่านมา สสส.สนับสนุนภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้นักสร้างเสริมสุขภาพจากทุกวิชาชีพมาเชื่อมประสานการทำงานเข้าด้วยกันผู้ที่จะมาทำงานสร้างเสริมสุขภาพในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ แต่ทุกคนมีส่วนร่วมแก้ไขตั้งแต่ต้นน้ำ สร้างยุทธศาสตร์ ผลักดันการทำงานร่วมกัน ในพื้นที่ภาคอีสานมีภาคีเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก หลากหลายประเด็น ตามทักษะ ความสามารถ ความสนใจ และความแตกต่างตามบริบทพื้นที่ ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง เกิดการสร้างกลไกความร่วมมือนวัตกรรมองค์ความรู้เสริมสุขภาพที่เกิดจากการทำงานพร้อมที่จะเผยแพร่ต่อยอด ขยายผล ซึ่งการจัดเวทีโชว์ แชร์ เชื่อมระดับภาค ก่อให้เกิดการเชื่อมประสานภาคีเครือข่ายข้ามพื้นที่ ข้ามประเด็น ขับเคลื่อนงานสุขภาวะอย่างมีพลัง ตลอดจนสื่อสารความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพ สร้างพฤติกรรมการมีสุขภาวะที่ดีให้กับประชาชน

“เวทีนี้ เป็นเวทีสำคัญของการทำงานสร้างเสริมสุขภาพ โชว์ แชร์ เชื่อม เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมประสาน ถักทอ สังคมสุขภาพที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะในยุคสังคมออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการเกิดโรคอุบัติใหม่ หรือภาวะวิกฤตทางสุขภาพต่าง ๆ  ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพดังนั้น การขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพจึงมีความจำเป็นต้องสานพลังความร่วมมือการทำงานกับทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นแนวทางการเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพ ตามนโยบายของสสส. ที่สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งด้านความรู้ การสื่อสาร และการจัดการ ส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการหนุนเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม หรือแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาสุขภาพตลอดจนร่วมสร้างค่านิยม ผลักดันนโยบาย มองไปสู่ทศวรรษหน้า เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน”ดร.สุปรีดากล่าว

ดร.สุปรีดา กล่าวต่อว่า ภาคอีสานเป็นพื้นที่ ที่ต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาสุขภาวะ ข้อมูลจากข้อมูลการตาย จากข้อมูลมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน และ ข้อมูลประชากรกลางปี จากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ปี 2563พบว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน จากการป่วยเป็นโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCDs เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ อาทิ ใน จ.มหาสารคาม มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเป็นอันดับ 1 มากถึง59.53 ต่อแสนประชากร ในจ.เลย อัตราการเสียชีวิตจากโรคไตวายเรื้อรังเป็นอันดับ 3 ของประเทศ มากถึง 34.86 ต่อแสนประชากรในประเด็นเด็ก และเยาวชน ที่ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ การเท่าทันปัจจัยเสี่ยง การดูแลสุขภาวะทางปัญญา และสุขภาพจิต นอกจากนี้ปัญหาขยะ เป็นเรื่องที่ต้องสร้างองค์ความรู้ ดูแลจัดการ เพื่อสร้างสุขภาวะทางสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างครอบคลุม

ศ.ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิงกล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเผยแพร่นวัตกรรมการขับเคลื่อนสุขภาวะจาก 4 ประเด็นนำร่อง และขยายภาคีเครือข่ายความร่วมมือ ภายใต้โครงการพัฒนากลไกสนับสนุนการเชื่อมประสานภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสุขภาวะภาคอีสาน จากการทำงานที่ผ่านมาเกิดความสำเร็จคือ 1. เกิดกลไกสนับสนุนการเชื่อมประสานภาคีสุขภาวะในระดับภาคหรือCore team Esan2. เกิดเครือข่ายคนทำงานสร้างเสริมสุขภาวะ ใน 4 ประเด็นนำร่อง เกษตรอินทรีย์ การจัดการขยะ เด็กและเยาวชน และผู้สูงอายุ 3. เกิดองค์ความรู้ บทเรียนในการทำงานเชื่อมประสานภาคีสุขภาวะทั้งในรูปแบบ area base และ issue base และฐานข้อมูลสนับสนุนการทำงานเชื่อมประสาน 4. เกิดช่องทางการสื่อสารข้อมูลทั้งในระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ผ่านช่องทางออนไลน์ เชื่อมประสานเครือข่ายร่วมแก้ไขปัญหาแบบไม่ติดยึดเฉพาะพื้นที่ เฉพาะประเด็นของตัวเอง มุ่งแก้ไขปัญหาสุขภาวะของสังคมร่วมกันอย่างเข้มแข็ง

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข