รัฐสภา-คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคมฯ สานพลัง สสส.-อพม. ทั่วประเทศ เดินหน้า “Senior’s Power วัยเก๋าไม่มีวันแก่” ผลักดันผู้สูงวัยเป็นพลังสร้างสรรค์ เปลี่ยนผ่านสู่สังคมสูงวัยอย่างมั่นคง สู่ชุมชนที่ผู้สูงอายุมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิต-มีส่วนร่วมในทุกมิติ

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) จัดสัมมนา “Senior’s Power วัยเก๋าไม่มีวันแก่” เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนวทางการดูแลผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน ทั้งมิติสุขภาพกาย สุขภาพจิต เศรษฐกิจ สังคม และการมีส่วนร่วมในชุมชน พร้อมจัดนิทรรศการแสดงผลงานและนวัตกรรมผู้สูงวัย มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน โดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ 

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2564 และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ (Super-aged Society) ท่ามกลางความท้าทายที่ผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ ทั้งการอยู่ตามลำพัง รายได้ที่จำกัด การเข้าถึงเทคโนโลยีต่ำ และความเสี่ยงบนโลกออนไลน์ การสร้างพลังของผู้สูงอายุไม่ใช่ในฐานะผู้ที่ต้องรอรับการดูแลเท่านั้น แต่ในฐานะผู้ที่มีศักยภาพ เป็นเสาหลักของชุมชน เป็นผู้ร่วมสร้างอนาคตของประเทศร่วมกับทุกช่วงวัย

“ขอชื่นชมการทำงานของ อพม. ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลกลุ่มเปราะบางในระดับชุมชน โดยเฉพาะในยุคที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อพม. เป็นผู้เสียสละ ลงพื้นที่จริง เห็นปัญหาจริง และสามารถเป็นด่านหน้าในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะยากลำบาก แต่ยังเป็นผู้ให้ข้อมูลเฝ้าระวัง สร้างกิจกรรมเสริมสุขภาวะ และเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงภาครัฐกับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดงานครั้งนี้ เป็นมากกว่าการให้ความรู้ แต่เป็นการ สร้างเวทีให้ผู้สูงวัยได้แสดงศักยภาพ เสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ ทั้งด้านสุขภาพ การสื่อสาร การประกอบอาชีพ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน สภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้กำหนดนโยบาย พร้อมให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ ‘สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์’ แล้ว โดยในปี 2567 มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 14.03 ล้านคน คิดเป็น 20.1% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าในปี 2576 ไทยจะกลายเป็น ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ (Super-aged Society) ที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 28% ดังนั้น นอกเหนือจากแนวทางการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ใช่เพียงการพึ่งพิงแต่ต้องส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นพลังที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ยังต้องพัฒนาระบบรองรับสังคมสูงอายุ ที่มีส่วนร่วมทั้งระบบสุขภาพ ระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ และระบบสภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะ ที่กำหนดอนาคตของตนเองและชุมชนได้อย่างแท้จริง การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำพันธกิจของ สสส. ที่จะพัฒนา ‘นิเวศสุขภาวะผู้สูงวัย’ หรือ Ecosystem for Active Aging ที่สนับสนุนให้ผู้สูงวัยมีสุขภาวะรอบด้านได้แสดงศักยภาพ และได้รับการยอมรับในฐานะทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศ

“สสส. สนับสนุนการขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุภายใต้บริบทสังคมสูงวัยใน 4 มิติ ได้แก่  1.สุขภาพ เน้นการพัฒนาความรู้ นวัตกรรม ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะประเด็นที่ยังเป็นปัญหาในวัยสูงอายุ เช่น การดูแลและป้องกันภาวะสมองเสื่อมในวัยสูงอายุ กิจกรรมทางกายเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม การส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงพัฒนาและขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายในการพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เป็นต้น เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีให้ยาวนานที่สุด 2. มิติด้านสังคม เช่น การส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกันของผู้สูงอายุ การพัฒนากลไกชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็ง เพื่อเป็นพื้นที่และกลไกในการช่วยเหลือ ดูแลกันของผู้สูงอายุ โดยมีการสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็งต้นแบบกว่า 1,500 ชมรมทั่วประเทศ 3. ด้านเศรษฐกิจ เช่นการส่งเสริมและเพิ่มทักษะผู้สูงอายุในการทำงานเพื่อสร้างรายได้ และ 4. ด้านสภาพแวดล้อม โดยสนับสนุนให้เกิดการปรับสภาพแวดล้อมและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งในบ้านพักอาศัยผู้สูงอายุ และสถานที่สาธารณะ เพื่อเอื้อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก ปลอดภัย โดยปัจจุบันได้สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายศูนย์การออกแบบเพื่อทุกคนใน 16 สถาบันการศึกษา เพื่อให้ความรู้ คำปรึกษาและสนับสนุนด้านวิชาการในการปรับสภาพแวดล้อมที่พักอาศัยผู้สูงอายุ  ร่วมกับองค์การปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 800 หลัง  นอกจากนี้ สสส. ยังร่วมกับภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ เช่น งาน Death Fest 2025  และการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างวัย ร่วมกับเครือข่ายมนุษย์ต่างวัย เป็นต้น ซึ่ง สสส. คาดหวังให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดี เป็นพลังสำคัญของครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างยาวนาน และต่อเนื่อง” นางภรณีกล่าว