วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 18:28 น.

อาชญากรรม

ปธ.สภาอบต.ยังโดน มิจฉาชีพหลอกซื้อขายที่ดินสูญเงิน 5 แสน เชื่อโดนป้ายยา

วันอังคาร ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563, 21.41 น.
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 14 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสนิท เพ็งเจริญ อายุ 59 ปี ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพทำทีเป็นนายหน้าขายที่ดินหลอกซื้อ-ขายที่ดินและให้ตนไปกดเงินให้สูญเงินไปกว่า5แสนบาท ซึ่งเหตุเกิดที่บ้านลเขที่ 40/15 ซอยสัมพันธ์ ม.2 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
จากการตรวจสอบพบเป็นบ้านไม้2ชั้นมีรั้วรอบขอบชิด ภายในบ้านพบมีคนอยู่ 3 คนประกอบด้วย นายสนิท  เพ็งเจริญ อายุ 59 ปี น.ส.ถนอม เพ็งเจริญ อายุ 80 ปี พี่สาวและน.ส.ภารดา งามเฉลียว อายุ 49 ปี น้องสาว ยังอยู่ในอาการขวัญเสีย พร้อมโชว์สมุดบัญชีธนาคารของธนาคารแห่งหนึ่งที่ตนเองไปเบิกเงินสดที่ธนาคารจำนวน 500,000 บาท ให้กับกลุ่มมิจฉาชีพไป ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป พร้อมกับใบแจ้งความที่ตนเองแจ้งไว้กับพนักงานสอบสวนสภ.ธัญบุรี
 
ด้าน นายสนิท  เพ็งเจริญ ผู้เสียหาย บอกว่า ตนเป็นประธานสภาอบต.แห่งหนึ่ง จ.นครนายก เมื่อวันที่ 13 มกราคม2563  เวลาประมาณ 09.00 น. มีชาย1คนอายุประมาณ 50 ปีเศษ และหญิง 1 คนอายุ ประมาณ 40 ปีเศษ  ขับรถเก๋งยี่ห้อมาสดา สีขาว เข้ามาภายในซอยก่อนที่จะลงมาพูดคุยกับตนเองว่า ต้องการหาซื้อที่ดินภายในซอย ก่อนที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ตนไป ตนจึงส่งนามบัตรให้กับคนร้ายไป แล้วแลกเบอร์โทรศัพท์กับหญิงสาวที่มาด้วย อ้างว่าชื่อนก ก่อนที่คนร้ายจะขับรถเก๋งเข้าไปภายในซอยครู่ใหญ่ แล้วขับออกมาแวะหน้าบ้านตน ถามว่า “รู้จักใครที่ม.7 แถววัดดอนใหญ่หรือไม่เพราะจะไปหาคนชื่อลุงจันทร์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่และเป็นนายหน้าขายที่ดิน” ตนจึงตอบไปว่าถ้าแบบนี้ตนพอหาได้ 
 
จากนั้นคนร้ายจึงชักชวนตนขึ้นรถไปด้วยกันเพื่อไปหาคนชื่อลุงจันทร์ที่อ้างว่าซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน อยู่แถววัดดอนใหญ่  และบอกว่าเดี๋ยวกลับมาส่งที่บ้านตนจึงขึ้นรถไป เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณที่ดินแปลงหนึ่งใกล้เคียงกับ วัดดอนใหญ่ ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ยืนอยู่ริมทางก่อนที่คนร้ายจะจอดรถเพื่อถามหาคนชื่อลุงจันทร์ที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งหญิงดังกล่าวตอบกลับมาว่า ลุงจันทร์ไม่อยู่เพราะไปนอนรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล ส่วนลูกๆไปเฝ้าหมด และหญิงดังกล่าวบอกว่าตนเองเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้เนื้อที่18ไร่ และกำลังยืนรอนายทุนที่กำลังจะเดินทางมาดูที่แปลงนี้เช่นกันโดยนัดไว้ 13.00 น. ก่อนที่คนร้ายจะรับหญิงที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ขึ้นรถมาด้วยเพื่อขับรถวนดูที่และพูดคุยกันเพราะนายทุนที่เรียกว่า “อาเจ็ก” จะมาซื้อก่อนจะขับรถออกไปและมาส่งเจ้าของที่ดินลงที่เดิม  เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ก็มีชาย 1 คน ที่เป็นมิจฉาชีพ ที่กลุ่มคนร้ายเรียกว่า อาเจ็ก ขับรถมาจอดที่ท้ายรถที่ตนนั่งอยู่  โดยมีการพูดคุยกันว่ามีเงินอยู่ 500,000 บาท ตอนนี้ขอให้ตนเป็นธุระเรื่องที่ดินให้ทีโดยจะให้พระสมเด็จเลี่ยมทอง1องค์ โดยขอให้แล้วเสร็จภายใน 2 วันและจะมาวางเงินทันที ก่อนที่ชายที่อ้างว่าเป็น อาเจ็กจะขับรถออกไป
 
กระทั่งคนร้ายพาตนเองขับรถกลับมาหาหญิงที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่เพื่อสอบถามราคาและโฉนดที่ดิน โดยหญิงสาวดังกล่าวอ้าวว่า ตนเองนำโฉนดไปไว้กับเจ้าของร้านทองเพื่อนำเงินมารักษาสามีที่ป่วยมะเร็ง ต้องหาเงินประมาณ 2-3 ล้าน เพื่อนำไปคืนเจ้าของร้านทองแล้วเอาโฉนดที่ออกมาขาย โดยคนร้าย2คนที่รับตนมาออกอุบายว่า ให้ตนหาเงินมาเพื่อไปไถ่โฉนดออกมาเพื่อขาย โดยให้เงินร้อยละ10 ในการกู้มาไถ่โฉนดและให้ตนถือโฉนดไว้  จากนั้นจะนำที่ดินออกมาขายให้กับนายทุนไร่ละสองล้านบาท จากราคาหนึ่งล้านแปดแสนบาท จากราคาที่ดินที่เจ้าของต้องการโดยจะมีการบอกเกินไปราคาไร่ละสองแสนบาทจากทั้งหมด 13 ไร่ โดยจะแบ่งกันสามคน ก่อนที่หญิงที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่บอกว่าจะให้ตนอีกสามแสนบาทเพื่อเป็นธุระให้ทีในการบริหารจัดการขายที่ดิน
 
หลังจากนั้นชายมิจฉาชีพที่เป็นคนขับรถเก๋งจะขอชื่อตนเขียนใส่กระดาษพร้อมกับบุคคลที่อยู่ในรถรวม4คน และขอให้ตนยกกระดาษขึ้นประจบสาบานตั้งนะโมสามจบว่า “จะไม่นำเรื่องการบวกราคาที่ดินเพิ่มไปบอกใครเพราะตนไม่อยากให้อาเจ็กรู้ เพราะเขาเคยช่วยเหลือตนมาเมื่อครั้งภรรยาไม่สบาย”  ตนจึงยกกระดาษขึ้นประจบตั้งนะโม3จบ และสาบานว่าจะไม่บอกใครหากใครนำเรื่องไปบอกขอให้มีอันเป็นไป ก่อนจะมีการมึนงงและเคลิ้มเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ คนร้ายก็ออกอุบายว่ามาร่วมกันลงขันเพื่อหาเงินมาเอาโฉนดที่ดินออกมาขาย โดยตนบอกว่าตนเองมีเงินประมาณ 5 แสนที่เบิกได้
 
จากนั้นคนร้ายก็พาตนกลับมาที่บ้านพักเพื่อนำสมุดบัญชีธนาคารไปถอนเงิน ที่ธนาคารย่านคลองสิบ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยขณะที่ตนลงจากรถไปเอาสมุดบัญชีรู้สึกว่าเบลอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และทำตามคำสั่งคนร้าย โดยคนร้ายหญิง 1คน ได้เดินตามลงไปขอเข้าห้องน้ำ และตนได้เดินตรงไปที่น้องสาวเพื่อถามหาสมุดบัญชีก่อนจะขึ้นรถไปกับคนร้ายและไปธนาคารกดเงินสดออกมา 5 แสนบาท ก่อนจะข้ามสะพานลอยไปหาคนร้ายที่จอดรถรอฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะยื่นเงินให้ คนร้ายจะให้ตนเดินมาที่ธนาคารอีกครั้งเพื่อถ่ายเอกสารบัตรประชาชน 5 ใบเพื่อทำสัญญาการกู้เงินและนายหน้าที่ดิน ตนได้เดินเข้ามสะพานลอยไปถ่ายเอกสาร เมื่อออกมาก็พบว่าคนร้ายขับรถออกไปแล้ว และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้จึงเดินทางแจ้งตำรวจเพราะมั่นใจว่าโดนกลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุป้ายยาและเชิดเงินอย่างแน่นอน
 
ด้าน น.ส.ภารดา งามเฉลียว น้องสาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุมีกันสามคนในบ้านตนได้ห้ามพี่ชายแล้วเพราะดูมีอาการผิดปกติ คล้ายไม่สามารถควบคุมตัวเองได้พร้อมทั้งหยิกพี่ชายแต่พี่ชายกลับต้องการสมุดบัญชีและเดินหาเองภายในบ้านก่อนจะขึ้นรถไปกับคนร้ายแล้วกลับมาที่บ้านพร้อมกับวินจักรยานยนต์รับจ้าง
 
ทางด้านพ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุได้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเส้นทางที่คนร้ายขับผ่านเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้ายและให้ผู้เสียหายดูแฟ้มประวัติคนร้ายที่เคยก่อเหตุในพื้นที่เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

หน้าแรก » อาชญากรรม