แถลงข่าวผู้ต้องหาก่อเหตุยิงถล่ม3 ศพ ใจกลาเมืองพัทลุง มอบตัวตำรวจแล้ว พร้อมปืนและรถคันที่ใช่ในการก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง วันนี้ เวลา 09.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2563 จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืน 4 กระบอก ก่อเหตุยิงถล่มใจกลางเมืองพัทลุง ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนน 3 ศพ ล่าสุด 3 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายวีระยุทธ หอยทรัพย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 9 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง 2.นายภูวเนศวร์ หนูมาก อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 8 ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง และ 3.นายศรชัย ทับครุฑ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/3 หมู่ที่ 7 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุงหลังศาลออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเหตุแห่งการตาย

โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี ผบก ภจว พัทลุง พร้อมอาวุธปืนยาวกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก และรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลข บต.1815 พัทลุง คันที่นายวีรยุทธ หอยทรัพย์ 1ในผู้ต้องหาเป็นคนขับ

 
ล่าสุดล่าสุด เวลา 10. 00 น. พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร.พร้อมได้ลงพื้นที่แถลงข่าวที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง หลังผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเข้ามอบตัว โดยในเบื้องต้นสาเหตุความขัดแย้งมาจากยาเสพติด ซึ่ง รอง ผบ.ตร. ระบุว่าการติดต่อเข้ามอบตัวทางเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัวในเบื้องต้น

ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี ผบก ภจว. พัทลุง กล่าวว่าจากการสอบสวนมูลเหตุ ในเบื้องต้นเกิดจากความขัดแย้งระหว่างนายวีระยุทธิ์ หอยทรัพย์ กับนายรัตนพงษ์ จันทร์ปน ซึ่งมีความขัดแย้งมาก่อนและในคืนเกิดเหตุ ทั้งสองได้เจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จนมีปากเสียงท้าทาย นำไปสู่การนัดเจอกัน ในจุดเกิดเหตุ ตรงหน้าธนาคาร กธส.โดยมีพรรคพวกรออยู่ก่อนแล้ว 2 คน ซึ่งนั่งกินข้าวต้มอยู่ภายในร้านใกล้ๆ ก่อนโทรคุย แล้วผู้ตายลงมาจากรถ จนถูกกระหน่ำยิงเสียชีวิต

ส่วนอาวุธปืน 3 มม.อีก 2 กระบอกที่ยังไม่ได้มา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวน พร้อมขอให้ผู้ที่หลบหนีไปได้เพื่อนผู้ตายในคืนเกิดเหตุ ขอให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะได้ทำการคุ้มกรองพยานต่อไป